BH ฟื้นตัวเหนือช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว แต่ราคายังเป็นคำถาม เมื่อโบรกมองต่างมุม

2616 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BH ฟื้นตัวเหนือช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว แต่ราคายังเป็นคำถาม เมื่อโบรกมองต่างมุม

บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล ทุบสถิติสูงสุดที่ทำในไตรมาส 2 ด้วยการโชว์กำไรสุทธิ 1,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 407.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 28.8% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นผลจากรายได้เติบโต 92.1% เป็น 5,740 ล้านบาท

สาเหตุหลักจากรายได้ที่สูงกว่าคาดถึง 25% โดยเฉพาะจากผู้ป่วยต่างชาติที่พุ่งทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,824 ล้านบาท (+213% YoY และ +25% QoQ) หนุนจากรายได้จากการรักษาโรคซับซ้อนที่โดดเด่น ความสามารถในการส่งต่อค่ารักษาที่เพิ่มสูง และการประหยัดต่อขนาด ขณะที่อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 26.2% เพิ่มจาก 9.9% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 23.5% ในไตรมาส 2

และเพื่อวัดผลดำเนินงานงวดล่าสุด เทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด ในไตรมาส 3 ปี 2562 พบว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า 20.6% และ 42.2% ตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตรากำไรสุทธิที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด ซึ่งบริษัทฯ ทำได้ 22.2%

สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 3,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 462.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ซึ่งเป็นผลจากรายได้เติบโต 71.0% เป็น 14,847 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 22.8% เพิ่มจาก 7.0% ใน 3 ไตรมาสปีก่อน

พร้อมกันนี้ เพื่อวัดผลดำเนินงานงวดล่าสุด เทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด ในไตรมาส 3 ปี 2562 พบว่า รายได้รวมและกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า 7.9% และ 18.5% ตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตรากำไรสุทธิที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด ซึ่งบริษัทฯ ทำได้ 20.8%

โอกาสนี้ BH ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุด โดยผู้บริหารให้ข้อมูลเชิงบวก สรุปประเด็นได้ว่า จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางจากต่างประเทศมารักษาที่โรงพยาบาล ในไตรมาส 4 ยังคงแข็งแกร่งเช่นเดียวกับไตรมาส 3 โดยมีการติดต่อและนัดหมายอย่างต่อเนื่อง จนคิวนัดหมายเริ่มลากยาวไปถึงปีหน้า จากความสามารถในการรักษาโรคซับซ้อนที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ทำให้เชื่อมั่นว่า รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ฐานลูกค้าหลักยังไม่เปลี่ยนแปลง (10 ชาติในภูมิภาคอินโดจีน ตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ) ที่สำคัญ ผู้ป่วยตะวันออกกลางยังได้การสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น ทำให้บริษัทฯ สร้างรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติทั้งหมด และยังมีโอกาสต่อยอดจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่รายได้ยังไม่สูง แต่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ผลักดันให้รายได้ปีหน้าคาดจะเติบโต 15% จากปีนี้

กรุงศรี (KSS) บอกว่า เป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งไว้ถือว่ามีความเป็นไปได้สูง จากหลายปัจจัยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการให้ส่วนลดที่เริ่มลดลง เพราะบริษัทฯ มีการปรับขึ้นราคาไปแล้ว 5.8% ใน 9 เดือนปีนี้ หรือการเพิ่มจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยในอีก 14% เป็น 543 เตียงในต้นปีหน้า รวมถึงรายได้จากผู้ป่วยโรคซับซ้อนคาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนรายได้ต่อบิล และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นได้อีก หลังจากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 กลับไปอยู่ที่ระดับก่อนโควิดระบาด (ปี 2562) ที่ 48.5% แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลในประเทศไทย ทำให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ กลายเป็นกุญแจสร้างความสำเร็จของ BH

ในเบื้องต้น ค่ายสีเหลืองประเมินรายได้ปีนี้ที่ 20,078 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 22,568 ล้านบาท ในปีหน้า และ 23,519 ล้านบาท ในปีถัดไป ขณะที่คาดกำไรปกติปีนี้ทำได้ 5,000 ล้านบาท (+311.3% YoY) ก่อนเพิ่มเป็น 5,885 ล้านบาท ในปีหน้า (+17.7% YoY) และ 6,212 ล้านบาท ในปีถัดไป (+5.5% YoY) พร้อมคงราคาเป้าหมายที่ 250 บาท

ธนชาต (TNS) ชี้ว่า ปัจจัยผลักดันกําไรในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยคนไทยและต่างชาติ การปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาล และรายได้จากการรักษาโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นจากการบริการระดับตติยภูมิมากขึ้น ส่วนลดค่า รักษาที่ลดลง การบริหารจัดการต้นทุน และผลของ operating leverage ทำให้เชื่อมั่นว่าปัจจัยหนุนเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ BH กําลังปลดล็อคขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยเพิ่มเติม ซึ่งจะทําให้มีเตียงเพิ่มขึ้น 60-65 เตียงในต้นปีหน้า ทำให้ประเมินจํานวนผู้ป่วยเติบโต 8% และ 4% ในปีหน้า และปีถัดไป ตามลำดับ

นอกจากนี้ การที่รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 เลยระดับปี 2562 แล้ว 8% และ 21% และยังมีคำขอเข้ามาใช้บริการจากผู้ป่วยต่างชาติจํานวนมาก เฉพาะผู้ป่วยซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นตลาดใหม่ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 60% QoQ และทางโรงพยาบาลพร้อมจะลงนามในสัญญาบริการสุขภาพ คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้อย่างเด่นชัดในไตรมาส 2 ปีหน้า ทำให้คาดว่ารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติปีนี้จะเติบโต 118% ก่อนโตเพิ่ม 25% และ 10% ในปีหน้า และปีถัดไป

เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่าคาด ค่ายสีส้มรายนี้จึงปรับเพิ่มประมาณการกําไรของ BH ช่วง 3 ปีนี้ (2565-67) ขึ้น 12% 18% และ 20% เป็น 4,654 ล้านบาท (+265% YoY) 5,651 ล้านบาท (+21%) และ 6,341 ล้านบาท (+12%) ตามลำดับ ส่งผลให้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปีหน้า เป็น 270 บาท

ถึงแม้ราคาหุ้น BH จะปรับขึ้นมากว่า 51% แต่ความสามารถในการทํากําไรที่ดีขึ้น โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROE) ปีหน้าและปีถัดไป ที่ 27% เทียบกับ 19.6% ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ในปี 2562 จึงยังเห็นโอกาสที่จะเห็น P/E ของ BH ถูก re-rate ขึ้นจากระดับปัจจุบัน จึงคงคําแนะนํา "ซื้อ" 

แต่ถึงขณะนี้ ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีการศึกษาข้อมูลหุ้น BH ตาม IAA Concencus ยังคงอยู่ที่ 231 บาท จึงทำให้กลยุทธ์การลงทุน อาจต้องรอซื้อ หรือทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัว  

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้