ออโรร่า เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 10.90 บาท เปิดจอง 21-23 พ.ย.นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 29 พ.ย.นี้

2499 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ออโรร่า เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 10.90 บาท เปิดจอง 21-23 พ.ย.นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 29 พ.ย.นี้


นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 334 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.04% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ในราคาหุ้นละ 10.90 บาท เทียบมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 4 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ (TSC) บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) และ บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) ระหว่างวันที่ 21 - 23 พฤศจิกายนนี้ คาดว่า จะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้  

สำหรับเหตุผลในการตั้งราคา IPO ที่ 10.90 บาท พิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา (คิดเป็นสัดส่วน 40% ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด) โดยเป็นราคาที่จะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการ และยังมีความต้องการซื้อหุ้นเหลืออยู่มากพอในระดับที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพในตลาดรอง และถือเป็นราคาที่เหมาะสม สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจและปัจจัยพื้นฐาน ตลอดจนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในโอกาสเติบโตจากการรุกขยายธุรกิจในอนาคต หากพิจารณากำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อน ถึงไตรมาส 3 ปีนี้) ซึ่งเท่ากับ 721.50 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,334 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.54 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ประมาณ 20.15 เท่า ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน




สำหรับจุดเด่นของ AURA อยู่ที่ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) มากว่า 50 ปี  ผ่านการดำเนินธุรกิจ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับ และของขวัญที่ ทำมาจากทองคำ กับธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณ และเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่ วนประกอบ มีความสามารถทำกำไรในทุกช่วงการเปลี่ ยนแปลงของราคาทอง ซึ่งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะช่วยให้บริษัทฯ ก้าวสู่ผู้นำร้านทองในประเทศไทยได้ตามเป้าหมายที่ผู้บริหารวางไว้

ขณะที่นายอนิวรรต ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AURA ขยายความเพิ่มว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และพัฒนาแบรนด์ใหม่ เพิ่มเติมจากแบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond รวมถึงขยายธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น มีความรวดเร็วตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของออโรร่าเติบโตอย่างยั่งยืน  




ด้านนายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด AURA เสริมว่า การที่ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ และเครื่องประดับหรือของขวัญที่ทำมาจากทองคำ ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก ทำให้บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การตลาดในธุรกิจนี้ โดยมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ในลักษณะ “การมอบเป็นของขวัญล้ำค่า ส่งมอบความสุขในโอกาสพิเศษต่างๆ” เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง พร้อมกับนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ ผ่านการเปิดร้านเครื่องประดับเพชรระดับพรีเมียม เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เพิ่มเติม

ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำ ขายฝากทองรูปพรรณ เครื่องประดับที่มีทองคำและเพชร ภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” จะเน้นขยายสาขาบนทำเลที่มีศักยภาพในแหล่งชุมชน ให้บริการรับขายฝากสินค้าด้วยวงเงินและอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ โดยตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มจาก 256 สาขา ในครึ่งแรกปีนี้ เป็น 409 แห่ง ภายในปี 2567 ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online) ผ่านทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียของบริษัทฯ และมาร์เก็ตเพลส เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันใหม่สำหรับส่งเสริมการขายสินค้าและสร้างประสบการณ์ที่ดีตอบสนองความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด โดยมีแผนพัฒนาฟีเจอร์รองรับบริการหลังการขายในอนาคต และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและซัพพลายเออร์ที่มีมากกว่า 180 ราย รวมทั้งสถาบันอัญมณีศาสตร์ชั้นนำของโลก เพื่อตอกย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์ 

ส่วนนายยศรัณย์ วัณณะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน AURA พูดถึงแผนในการใช้เงินจากการระดมทุนว่า หลักๆ จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินในปีนี้ 1,646 ล้านบาท เพื่อลดข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินให้ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ 1,825-1,866 ล้านบาท และขยายสาขา 40-80 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในระยะกลาง ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่ดีคืนกลับผู้ถือหุ้น




สำหรับผลดำเนินย้อนหลัง 3 ปี (2562-64) AURA มีรายได้รวม 17,331.8 ล้านบาท 19,430.4 ล้านบาท และ 22,225.5 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 512.6 ล้านบาท 734.1 ล้านบาท และ 591.0 ล้านบาท ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามค่าใช้จ่ายการตลาดและส่งเสริมการขาย และการเพิ่มขึ้นของค่าตัดจำหน่ายของสัญญาเช่าและบริการของสาขา โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10.40% 10.93% และ 8.88% ตามลำดับ  

ส่วนผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 21,380.2 ล้านบาท เติบโต 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 495.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8.34% ซึ่งเป็นความสำเร็จจากการมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ทองรูปพรรณ และเครื่องประดับเพชรที่มีคุณภาพ ผลักดันให้รายได้หลักที่เกิดจากการขายผลิตภัณฑ์โมเดิร์น โกลด์ (Modern Gold) ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% ได้แก่ สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ และการขายทองคำแท่งสถานะการรับซื้อสุทธิและมีการส่งมอบแล้ว นอกจากนี้ ยังมาจากรุกขยายช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้ AURA ขยายฐานผู้ซื้อได้อย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับธุรกิจขายฝาก ที่เป้นรายได้รอง มีรายได้จากดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 36.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้