TEAMG เดินหน้าเติม backlog รับการเติบโตปีหน้า แต่ตลาดมองราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐานแล้ว

2410 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TEAMG เดินหน้าเติม backlog รับการเติบโตปีหน้า แต่ตลาดมองราคาหุ้นสูงเกินพื้นฐานแล้ว

หลังจาก บมจ. ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 41.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 642.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรสุทธิเพียง 5.65 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 24.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ตามการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น 22.5% QoQ  เป็น 427.82 ล้านบาท แต่ลดลงเล็กน้อย 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สาเหตุหลักจากการรับรู้รายได้ในโครงการที่ล่าช้ามาตั้งแต่ครึ่งปีแรก โดยโครงการบางส่วนเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายไปแล้ว จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29.7% จาก 24.7% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 25.8% ในไตรมาส 3 ปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มีการเข้มงวดกับการบริหารค่าใช้จ่ายโครงการมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.0% จาก 1.6% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 7.8% ในไตรมาส 3 ปีก่อน

ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้รวมมาจากงานโครงการภาครัฐ 222.17 ล้านบาท คิดเป็น 52.86% ของรายได้จากการขายและให้บริการรวม ส่วนงานโครงการภาคเอกชนอยู่ที่ 114.37 ล้านบาท คิดเป็น 27.21% ของรายได้จากการขายและให้บริการรวม ขณะที่รายได้จากโครงการต่างประเทศ อยู่ที่ 36.05 ล้านบาท คิดเป็น 8.58% ของรายได้จากการขายและให้บริการรวม ที่เหลือ 47.67 ล้านบาท คิดเป็น 11.34% ของรายได้จากการขายและให้บริการรวม มาจากโครงการธุรกิจเกี่ยวเนื่องและการลงทุน

สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 65.96 ล้านบาท ลดลง 10.14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่รายได้รวมปรับเพิ่มขึ้น 8.29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีต้นทุนการขายและให้บริการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่สูงขึ้น กดดันให้อัตรากำไรสุทธิอ่อนตัวลง

อย่างไรก็ตาม ดร.อภิชาติ สระมูล ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG เชื่อมั่นว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี น่าจะได้งานใหม่ๆ เติม Backlog ที่มีระดับสูงที่ 4.1 พันล้านบาท เพราะบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเข้ามาเสริมทัพ นับเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ TEAMG เติบโตยิ่งขึ้น ตลอดจนการขยายธุรกิจบริการร่วมกับพันธมิตรด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริม ต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทฯ ต่อไป โดยใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมก่อสร้างที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐที่ต้องการลดปริมาณมลภาวะเป็นพิษต่อโลก หนุนให้บริษัทฯ มีงานในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ซึ่งล่าสุด TEAMG สามารถคว้างานเพิ่มช่วงเดือนสิงหาคม ถึงตุลาคมที่ผ่านมา รวม 9 โครงการ ประกอบด้วย

 1. สัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ เอง

2. สัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างพร้อมบริหารโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ของการไฟฟ้านครหลวง 2 โครงการ บริเวณถนนอรุณอัมรินทร์ฯ บรมราชชนนี และ พรานนก กับส่วนต่อขยายตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และถนนติวานนท์ โดยบริษัทฯ และบริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ (ATT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

4.สัญญาจ้างที่ปรึกษาโครงการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือ และให้คำปรึกษาในการบริหารจัดการหลังการจัดตั้ง/ร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของการประปานครหลวง โดยบริษัทฯ เอง

5.สัญญาจ้างออกแบบอาคารศูนย์บริการสุขภาพนานาชาติ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ของกรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ โดยบริษัทฯ และ บริษัท ทีม เอสคิว บริษัทย่อยของบริษัทฯ

6. สัญญาจ้างจัดหาและติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน ของกรมชลประทาน ใน 4 เขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนห้วยตาจู จ. ศรีสะเกษ เขื่อนมูลบน จ.นครราชสีมา เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา และเชื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยบริษัท วิศวกรรมธรณีและฐานราก (GFE) ซี่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ  

ถึงแม้ภาพธุรกิจของ TEAMG ในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มสดใสกว่าครึ่งปีแรก แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ลงความเห็นว่า ราคาหุ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐานแล้ว

กสิกรไทย (KS) บอกว่า แม้กำไรปกติไตรมาส 3 จะออกมาดีกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ คาดไว้ แต่ยังไม่แน่ใจถึง ความสามารถในการทำกำไรของ TEAMG จากทั้งธุรกิจปัจจุบัน และธุรกิจใหม่ว่า สมเหตุสมผลกับราคาหุ้นปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นถึง 482% และซื้อขายที่ PER ปีหน้าที่ 64 เท่า หรือ 3SD มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หรือคิดเป็น P/BV ปีหน้า ที่ 12.1 เท่า หรือ 3.6SD มากกว่าระดับเฉลี่ยในอดีต หรือไม่

นอกจากนี้ หากมองจากแผนที่จะก่อตั้งบริษัทร่วมทุน ระหว่าง TEAMG บมจ. ดิทโต้ ประเทศไทย (DITTO) และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง (VSK) เพื่อทำธุรกิจบริหารทรัพยากรน้ำ โดยสัดส่วนการถือหุ้นจะแบ่งเป็นของ VSK ที่ 60% DITTO และ TEAMG ฝ่ายละ 20% ดเท่ากัน ด้วยทุนจดทะเบียน 2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุนราว 400 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทร่วมทุน (JV) ใหม่ จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ผลบวกที่จะได้รับจากแผนงานใหม่นี้ จึงมองว่า ตลาดคาดหวังมากเกินไปถึงการผนึกกำลังที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ถือหุ้นหลัก ทั้งกรณีของ DITTO และกรณีที่ บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ก้าวเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TEAMG ผ่านบริษัทย่อย เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส ที่เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 9.90% ที่ราคาหุ้นละ 2.54 บาท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 171 ล้านบาท ในปีก่อน

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) คาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 107 ล้านบาท ลดลง 4% YoY จากผลดำเนินงานที่แย่ในครึ่งปีแรก เพราะประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดจะทรงตัว QoQ และเติบโตเล็กน้อย YoY จากการรับรู้งานโครงการภาครัฐที่ชะลอตัวมาจากครึ่งปีแรกได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นโครงการที่มีการรับรู้ต้นทุนไปแล้วบางส่วน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวได้ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาส 3 แต่เชื่อว่า กำไรปีหน้าจะเร่งตัวขึ้น 21% YoY เป็น 130 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของโครงการที่ล่าช้ามาจากปีนี้  และงานใหม่ที่จะได้รับ คิดเป็นราคาเหมาะสมสิ้นปีหน้าที่ 4.10 บาท อิง PER ที่ 21.6 เท่า เทียบเท่า +0.5 S.D. ของค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 19.6 เท่า

ปัจจุบัน TEAMG ซื้อขายบน PER ปีนี้ที่สูงถึง 112 เท่า แพงไปมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มงานที่ปรึกษาฯ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ซื้อขายที่ระดับ 20-25 เท่า จึงคงคำแนะนำ "ขาย”

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้