2652 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ประกาศผลดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 297.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 121.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 89% YoY มาเป็น 4,009.5 ล้านบาท ขณะที่ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 107.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% YoY ทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 เพราะได้ปัจจัยหนุนจากปริมาณการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณตู้สินค้าที่ขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น 104% เมื่อเทียบกับปริมาณตู้สินค้าที่ขนส่งทางเรือในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้จากการขนส่งสินค้าทางอากาศก็เพิ่มขึ้น 107% ทั้งที่รายได้รวมลดลง 6% YoY มาอยู่ที่ 1,022.9 ล้านบาท จากผลกระทบของอัตราค่าระวางเรือทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรแบบ End-to-End Global Logistics และมีรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากค่าระวาง อีกทั้งยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับที่ดี ส่งผลให้ได้รับผลกระทบจากการลดลงของค่าระวางในตลาดโลกอย่างจำกัด
"ความสามารถในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธิ์ที่มีการบริการและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย มีสายเดินเรือและสายการบินที่เป็นพันธมิตรเป็นจำนวนมาก และมี Overseas Network ที่อยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิได้ในระดับที่ดี โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 20% ในไตรมาส 2 เป็น 23% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 7.5% ในไตรมาส 2 เป็น 10.7% ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างกำไรให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ค่าระวางจะลดลงทั่วโลก และช่วยขับเคลื่อนให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปีถึง 18%” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO เผยเคล็ดลับความสำเร็จ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ยังชี้แจงถึงแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ด้วยว่า จะยังมีการเติบโตด้านปริมาณการขนส่งทั้งทางเรือ อากาศ และมีรายได้จากการขนส่งทางรถไฟเพิ่มเติมเข้ามาด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจ Self Storage ตามการเติบโตของผู้ใช้บริการเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็น SME บริษัทออร์แกไนซอร์ กลุ่มลูกค้าที่ซ่อมบ้าน หรือกลุ่มลูกค้าที่นำเอาของใช้ส่วนตัวมาเก็บ อีกทั้งการเปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของประเทศย่านเยาวราช ที่เป็นแหล่งการค้าและที่อยู่อาศัยที่สำคัญ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะทำให้มีรายได้จากสาขาที่ 2 นี้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจว่าผลดำเนินงานปีนี้จะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับแนวโน้มในปีหน้า บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่า จะเป็นอีกปีที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากแผนขยายธุรกิจการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนและลาว ร่วมกับบริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท และบริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ เพื่อให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟร่วมกับทาง China Post และ Tengjun สามารถให้บริการได้คลอบคลุมประเทศจีนได้มากขึ้น คาดว่าจะสร้างรายได้อย่างน้อย 200 ล้านบาท ในปีหน้าทันที รวมถึงโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่เกิดในปีนี้ และปีหน้าอีกหลายโครงการ ตามแผนงานที่ตั้งเป้าขยายธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 30-50% เพื่อมาชดเชยกับอัตราค่าระวางที่ลดลง ทั้งแผนลงทุนธุรกิจ Logistics & Distribution Center ร่วมกับ ADVANTIS FREIGHT ซึ่งเป็นบริษัทระดับภูมิภาค Regional Player แผนลงทุนธุรกิจ Cold Chain Logistics Center ร่วมกับ บมจ. สหไทย เทอร์มินอล (PORT) แผนลงทุนธุรกิจ Self Storage และ Warehouse & Integrated Logistics Services บริษัทฯ ร่วมกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ (SK Asset Management) ในเครือ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) และการเปิดดำเนินการ Self Storage แห่งที่ 4 และลานเก็บตู้ Container แห่งที่ 2 ภายในปีหน้า ซึ่งคาดว่า แผนเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ได้อย่างน้อยปีละ 200 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า
เช่นเดียวกับแผนพัฒนาธุรกิจพืชเศรษฐกิจกัญชาและกัญชงอย่างครบวงจร ด้วยการสนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลูกขายต้นกล้ากัญชา และพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ณ หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี บนพื้นที่เพาะปลูกของ บริษัท แคนบิซ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณลักษณะตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อในตลาด ซึ่งจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนของโครงการและรายได้ในปีหน้าเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการ JV และ M&A ที่อยู่ในระหว่างการเจรจาและหาข้อสรุปอีก 3-4 โครงการ ซึ่งคิดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้จากโครงการใหม่ๆ เหล่านี้ ได้ภายในไตรมาส 3 ปีหน้า ซึ่งแผนงานทั้งหมดนี้ จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้ LEO มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (All time high) ติดต่อกันเป็นปีที่ 4