เชื่อ EKH กลับสู่โหมดการฟื้นตัว หลังผลดำเนินงานล่าสุดลดลงน้อยกว่าตลาดคาด หลายธุรกิจโตแข็งแกร่ง

2431 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เชื่อ EKH กลับสู่โหมดการฟื้นตัว หลังผลดำเนินงานล่าสุดลดลงน้อยกว่าตลาดคาด หลายธุรกิจโตแข็งแกร่ง


หลังจาก บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งด้านรายได้และกำไร โดยรายได้ลดลง 28.1% ขณะที่กำไรที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 51.2% มาอยู่ที่ 295.6 ล้านบาท และ 155.8 ล้านบาท ตามลำดับ เพราะรายได้จากผู้ป่วยโควิดหดหายลงไปตามสถานการณ์การคลายตัวของสถานการณ์โควิด และกดดันให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ลดลงทั้งรายได้และกำไรตามไปด้วย โดยรายได้ลดลง 6.3% ขณะที่กำไรที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 21.9% มาอยู่ที่ 821.4 ล้านบาท และ 199.2 ล้านบาท ตามลำดับ สาเหตุหลักจากอัตรากำไรสุทธิที่ปรับลดลงจากช่วง 9 เดือนปีก่อน ที่ทำได้ 30.9% เหลือเพียง 26.6%

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการ และผู้อำนวยการโรงพยาบาล EKH ยังเชื่อมั่นว่า แนวโน้มผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากการเปลี่ยนฤดูกาลทำให้จำนวนผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการกลับเข้ามาใช้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) ของลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน เพิ่มขึ้น รับการเปิดประเทศอย่างมีนัยสำคัญ 

นอกจากนี้ การเปิดให้บริการโรงพยาบาลคูน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ยังช่วยสนับสนุนให้การเติบโตของรายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทฯ กำลังพิจารณาแผนขยายโครงการโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
"แม้ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ของกลุ่มบริษัทฯ จะลดลง แต่เชื่อว่าไตรมาส 4 จะเห็นสัญญาณการเติบโตอย่างโดดเด่น ขานรับการกลับมาระบาดของโควิดเป็นระยะๆ และจำนวนผู้ป่วยทั่วไปที่สูงขึ้นต่อเนื่องตามบริการรักษาโรคเฉพาะทาง และการเปิดให้บริการโรงพยาบาลคูน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งมีอัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้น ทำให้ EKH มีขีดความสามารถในการรองรับการเข้ามาใช้บริการของคนไข้เพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรในช่วงที่เหลือของกลุ่มบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายแพทย์อำนาจ ชี้แจง




สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ หลายสำนักยืนยันว่า ผลดําเนินงานงวดไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ แม้ว่ารายได้จากผู้ป่วยโควิดจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ  ทำให้หากไม่นับรวมรายได้จากโควิด เชี่อมั่นว่า จะเห็นการฟื้นตัวของผลดำเนินงานที่สดใสนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เป็นต้นไป ขับเคลื่อนจากกลุ่มผู้ป่วยปกติที่มีอัตราการใช้บริการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากลูกค้าชาวจีนที่นิยมใช้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) รวมถึงฐานรายได้จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และการลงทุนใน บมจ. เดอะ คลินิกค์ คลีนิคเวชกรรม (KLINIQ)

ค่ายเคจีไอ (KGI) บอกว่า ธุรกิจโดยรวมของ EKH ฟื้นตัวกลับไปอยู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดแล้ว ดังนั้น จึงคาดจะเห็นโมเมนตัมด้านบวกจากการรักษาพยาบาลที่ไม่เกี่ยวกับโควิดเร่งตัวขึ้น ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจ IVF ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ คาดจะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากลูกค้าชาวจีนหลังการเปิดประเทศปีหน้า โดยยังชอบ EKH ในแง่ของการกระจายธุรกิจที่ครอบคลุม ทั้งการรักษาพยาบาลปกติ และแบบการแพทย์ทางเลือก (Conventional) บริการ IVF การดูแลผู้สูงอายุ และการลงทุนในคลินิกเสริมความงาม

อย่างไรก็ตาม การที่ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน คิดเป็น 82.5% ของประมาณการกําไรปีนี้ทั้งปี ดังนั้น จึงยังคงประมาณการกําไรสุทธิปีนี้ที่ 242 ล้านบาท (-29.9% YoY) และปีหน้าที่ 258 ล้านบาท (+6.8% YoY) ตามเดิม แต่มองว่าประมาณการกําไรปีนี้ยังมี upside อีก 6-7% จากอัตรากําไรขั้นต้นที่อาจสูงกว่าคาดในไตรมาส 4 หากบริษัทฯ สามารถรักษาระดับอัตรากําไรได้ในระดับที่ทําได้งวดไตรมาส 3 สําหรับระยะต่อไป จึงคงแนะนํา ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 9.20 บาท อิงวิธี DCF

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) ระบุว่า แนวโน้มผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4 คาดกำไรจะยังชะลอตัว YoY จากฐานที่สูงในปีก่อน แต่หากไม่นับรวมรายได้จากโควิด เชี่อว่าผลดำเนินงานจะฟื้นตัวดี จากกลุ่มผู้ป่วยปกติที่มีอัตราการใช้บริการค่อนข้างดี ทั้งแผนกผู้ป่วยอุบัติเหตุ อายุรกรรม โดยเฉพาะผู้ป่วยกุมารเวช อีกทั้งมีมุมมองเป็นบวกต่อการเข้าลงทุนใน KLINIQ ซึ่งมีแนวโน้มผลดำเนินงานดี โดย EKH ถือหุ้นในสัดส่วน 7.27% ทำให้มีการปรับเพิ่มกำไรปีนี้และปีหน้าจากเดิม 33% และ 32% เป็น 249 ล้านบาท และ 270 ล้านบาท ตามการปรับเพิ่มรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น หนุนโดยการกลับมาของคนไข้ปกติ และลูกค้าจีนกลับมาใช้บริการธุรกิจ IVF หลังกลับมาเปิดประเทศ

ค่ายสีฟ้ารายนี้ ยังเชื่อว่า ฐานกำไรของ EKH ปีนี้น่าจะยกฐานขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดราว 50-60% จากอุปสงค์คงค้าง (Pent Up Demand) ส่วนในระยะยาวยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการเปิดศูนย์เฉพาะทาง รวมถึงการเปิดศูนย์ผู้สูงอายุ ช่วยเพิ่มรายได้ ยิ่งสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สิน ทำให้คำนวณมูลค่าพื้นฐานปีหน้าได้ที่ 10.80 บาท

ส่วนความคืบหน้าการขยายการลงทุน ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการด้านสุขภาพ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่จำนวน 3-4 ดีล กับพันธมิตรในหลากหลายรูปแบบ ผ่านการควบรวมกิจการ หรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) จะเป็น upside risk ต่อการปรับประมาณการในระยะต่อไป

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้