DTCENT ดีเดย์ขายหุ้น IPO วันที่ 1-2 และ 6 ธ.ค.65 ที่ราคา 2.86 บาท ก่อนเข้าซื้อขายวันแรก 15 ธ.ค.นี้

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBX) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.31% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 2.86 บาท เทียบราคาพาร์ที่ 50 สตางค์ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอีก 3 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) และ บมจ. หลักทรัพย์ พาย (PI) ระหว่างวันที่ 1-2 และ 6 ธันวาคมนี้ คาดว่า จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) วันที่ 15 ธันวาคมที่จะถึงนี้

สำหรับการกำหนดราคา ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) โดยคำนวณจากกำไรสุทธิช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ถึงวันที่ 30 กันยายนปีนี้ ซึ่ง DTCENT มีกำไรสุทธิ 73.64 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จำนวน 1,205 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น ที่หุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 46.78 เท่า ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่สามารถเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว จึงเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

ส่วนนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า DTCENT ถือเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ประการแรก บริษัทฯ เป็นผู้นำระบบติดตามยานพาหนะ หรือ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศ อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคมปีนี้ ผลักดันให้ผลดำเนินงานช่วงที่่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ประการที่สอง ผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 25 ปี มีพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งบริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และบริษัทบุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) ร่วมถือหุ้นใน DTCENT โดย YES จะร่วมพัฒนาให้ DTCENT เป็น Tier 1 Supplier ในการดำเนินธุรกิจ OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ BRS ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์

ประการที่สาม การเติบโตของธุรกิจ IoT ที่แตกไลน์ออกมาจากธุรกิจ GPS ที่มีความมั่นคงแล้ว ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐและความพร้อมของสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้ DTCENT ซึ่งมีความชำนาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูงรองรับระบบอัจฉริยะสามารถต่อยอดในกลุ่มงาน IoT ที่หลากหลาย เช่น ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น (Smart City Solution) ระบบ BAMS (Business Activity Management System) ระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform ให้แก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

และประการสุดท้าย การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงด้านฐานะทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากลมากขึ้น และพร้อมต่อยอดการเติบโตจากโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่เปิดกว้างในระยะกลางถึงยาว 

ขณะที่นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวเสริมว่า การระดมทุนครั้งนี้ นอกจากจะทำให้บริษัทฯ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคู่ค้า ลูกค้า ทั้งในและต่างประเทศแล้ว ยังทำให้บริษัทฯ มีฐานเงินทุนที่มั่นคงยิ่งกว่าเดิม สร้างการเติบโตคู่ขนานไปกับภาวะธุรกิจที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก จากความต้องการใช้บริการ GPS พร้อมด้วยการพัฒนากลุ่มงาน IoT เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ผ่านบริษัทย่อย บริษัทย่อย 3 ราย ได้แก่ บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ (WS) บริษัท ไทย ดิจิทัล แมพ (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทริเกรเตอร์ (DCORE) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 90% 95% และ90% ตามลำดับ จึงมั่นใจว่า DTCENT จะเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่สามารถสร้างผลตอบแทนอย่างน่าประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง