KTMS เปิดขาย IPO โควต้าผู้ถือหุ้น FVC 7-9 ธ.ค.นักลงทุนทั่วไป 13-15 พ.ย นี้ ที่ราคา 3.10 บาท

2550 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KTMS เปิดขาย IPO โควต้าผู้ถือหุ้น FVC 7-9 ธ.ค.นักลงทุนทั่วไป 13-15 พ.ย นี้ ที่ราคา 3.10 บาท

 
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBX) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. เคที เมดิคอล เซอร์วิส (KTMS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 76.64 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.55% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท เทียบราคาพาร์ที่ 50 สตางค์ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอีก 1 ราย ได้แก่ บมจ. หลักทรัพย์ พาย (PI) โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้น บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นตามสิทธิ (Pre-emptive) จองซื้อระหว่างวันที่ 7 - 9 ธันวาคมนี้ (คิดเป็นสัดส่วน 10% ของหุ้น IPO ทั้งหมด) ก่อนเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 13 - 15 ธันวาคม (คิดเป็นสัดส่วน 67.5% ของหุ้น IPO ทั้งหมด) ซึ่งคาดว่า จะพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในหมวดบริการ วันที่ 23 ธันวาคมนี้

สำหรับการกำหนดราคา ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) โดยคำนวณจากกำไรสุทธิช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 30 กันยายนปีนี้ ซึ่ง KTMS มีกำไรสุทธิ 24.94 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จำนวน 300 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น ที่หุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 37.29 เท่า ซึ่งถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ และเหมาะสมกับภาวะตลาด

 



ทั้งนี้ จุดเด่นของ KTMS อยู่ที่ธุรกิจได้ประโยชน์จากการที่สังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีผลให้การทำงานของไตเสื่อมลง พร้อมผลักดันให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคไตวายเรื้อรัง ทำให้จำนวนผู้ป่วยจากโรคไตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15% ส่งเสริมให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้เพิ่มเฉลี่ยปีละ 30% นอกจากนี้ โรคไตเรื้อรังยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการสวัสดิการสุขภาพภาครัฐ อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีสิทธิสามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตเป็นแบบฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมร่วมกับแพทย์ ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ป่วยให้เข้ามาใช้บริการกับบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น ตอกย้ำให้เห็นศักยภาพการเติบโตทั้งในระยะสั้น ถึงระยะกลางอย่างชัดเจน ยังไม่คิดรวมโอกาสการเติบโตจากการเข้าระดมทุนในตลาดทุน ที่จะส่งผลบวกต่อธุรกิจในระยะกลาง ถึงระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญอีก

ส่วนนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พูดถึงจุดเด่นของ KTMS ว่า เป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบ One-stop Services ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีทีมวิศวกร ทีมแพทย์ และพยาบาล ที่มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ภายใต้การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) ที่มีมาตรฐาน ทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (Outsource) ครอบคลุมโรงพยาบาลรัฐและเอกชน

 

 

ปัจจุบัน KTMS มีเครื่องไตเทียมรวม 254 เครื่อง มีหน่วยไตเทียม 20 สาขา กระจายตัวในพื้นที่สำคัญ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา ภาคตะวันตก 2 สาขา และกรุงเทพมหานครรวมภาคกลาง 2 สาขา) แบ่งเป็นหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล 17 สาขา และคลินิกเวชกรรมไตเทียม 3 สาขา ทำให้มีรายได้มั่นคง และมีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เข้าข่ายหุ้นที่มีความยั่งยืน (ESG) และมีความเสี่ยงต่ำ

โอกาสนี้ นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTMS ชี้แจงเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 237 ล้านบาท มาใช้ลงทุนสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม โดยตั้งเป้าขยายสาขาทั่วประเทศเพิ่ม 14 แห่ง ในรูปแบบ Outsource 8 สาขา และ Stand Alone 6 สาขา และเพิ่มจำนวนเครื่องไตเทียมอีก 123 เครื่อง ประมาณ 155 ล้านบาท ส่วนที่สอง ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 61 ล้านบาท ที่เหลือใช้เงินเป็นทุนหมุนเวียนรองรับแผนงาน หรือโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการอย่างครบวงจร สามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยได้มากขึ้น และรักษามาตรฐานในการให้บริการที่ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 



สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562–64) บริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการขายและบริการที่ 182.64 ล้านบาท 212.54 ล้านบาท และ 310.30 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33.50 ล้านบาท 37.70 ล้านบาท และ 63.15 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 18.34% 17.74% และ 20.35% ตามลำดับ

ส่วนผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 277.32 ล้านบาท เติบโต 28.28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 15.66 ล้านบาท เติบโต 108.24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเนื่องจากมีรายได้ของสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพิ่ม ประกอบกับโครงการติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์มีต้นทุนใกล้เคียงกับงวด 9 เดือนแรกปีก่อน หนุนให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 28.52% มาอยู่ที่ 53.75 ล้านบาท

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้