UBA ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่ได้หุ้นจอง ผลตอบแทนต่ำสุด 29% ตอกย้ำโอกาสกำไรโตแข็งแกร่ง

2994 จำนวนผู้เข้าชม  | 

UBA ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่ได้หุ้นจอง ผลตอบแทนต่ำสุด 29% ตอกย้ำโอกาสกำไรโตแข็งแกร่ง


การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ของ บมจ. ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) แต่อย่างใด เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองได้ทั้งวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 2.76 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 1.70 บาท ถึง 1.06 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 62.35% มีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 2.80 บาท ก่อนจะโดนแรงขายทำกำไรกดราคาหุ้นให้ปรับตัวลง แต่ก็ไม่หลุด 2.22 บาท โดยราคาแกว่งบริเวณ 2.54 - 2.58 บาท เป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะปิดที่ 2.34 บาท สูงกว่าราคาจอง 0.64 บาท ให้ผลตอบแทน 37.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,259 ล้านบาท

โอกาสนี้ นายสมชาติ สังหิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UBA เชื่อว่า การที่ราคาหุ้นสามารถยืนเหนือจองได้ทั้งวัน แม้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะไม่สดใส สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ หลังเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน จากฐานเงินทุนที่สูงขึ้น ช่วยเปิดโอกาสให้สามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่ และขยายปริมาณงานให้สอดรับกับความจำเป็นในการขยายงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้และกำไรมากขึ้น สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 10-30 %  

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเมื่อเปรียบเทียบการบำบัดน้ำเสียของประเทศไทยกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะพบว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วมีค่าเฉลี่ยในการบำบัดน้ำเสีย ประมาณ 91 % แต่ประเทศไทยมีการบำบัดน้ำเสียเพียงแค่ 27% จากปริมาณน้ำเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงทำให้มีความเชื่อมั่นว่า มีโอกาสที่จะผลักดันการเติบโตได้อีกมาก   

 

 

"UBA ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคซึ่งมีความมั่นคง มีความชำนาญ และประสพการณ์ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐอย่างยาวนาน ทำให้ไม่ต้องกังวลกับแนวนโยบายการบําบัดนํ้าเสียที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและเอกชนกว่า 10,000 ล้านบาทใน 3–5 ปีข้างหน้า ทั้งในส่วนของโรงบำบัดน้ำเสีย และการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเข้ารับงาน และมีโอกาสได้งานสูงถึง 20% ของมูลค่างานที่จะเปิดให้ประมูล  ประกอบกับงานจากภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้ และกำไรมากขึ้นด้วย” นายสมชาติกล่าว 

ขณะที่นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า การที่บริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ประมาณ 289 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตของบริษัท ทั้งการลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้าและบริการใหม่ รวมไปถึงลงทุนเครื่องจักรที่ใช้สนับสนุนการดำเนินงาน และชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายงานแล้ว ยังช่วยให้ต้นทุนทางการเงินลดลง หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน การที่บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ ( Backlog) ในไตรมาส 3 มูลค่ารวมกว่า 1,422 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565-2569 รวมทั้งมีแผนจะขยายสัดส่วนการรับงานภาคเอกชนจากที่มีสัดส่วน 20% ในปัจจุบัน ยังจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้แนวโน้มรายได้และกำไรเติบโตก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน 

สำหรับมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ทุกค่ายที่ทำการศึกษาจะลงความเห็นตรงกันว่า การอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานโครงการบริหารทรัพยากรน้ำ ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแข่งขันในธุรกิจไม่รุนแรง ทำให้คาดว่า จะเห็น UBA กำไรช่วง 2-3 ปีนี้ เติบโตได้ในอัตรา 30%  

ในเบื้องต้น ค่ายโกลเบล็ก (GBX) ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น UBA คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564-66 เติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 30% จากงานในมือและโครงการใหม่ในอนาคต โดยคาดรายได้ปีนี้อยู่ที่ 654 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 23% สาเหตุจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงควบคุมคุณภาพน้ำดินแดง และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำ จากบึงมักกะสันสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ระยะที่ 3 เต็มปีครั้งแรก ที่เป็น backlog เดิม และรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ อาทิ โครงการมีนบุรี โครงการศูนย์การค้า จ. สมุทรปราการ โครงการโรงพยาบาลเกื้อการุณย์ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น คาดจะปรับตัวลงเล็กน้อยจาก 19% สู่ระดับ 18% เนื่องจากการเริ่มโครงการใหม่มักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรรวมทั้งปีอยู่ที่ 68.3 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน 23% ก่อนปรับเพิ่มในปีหน้าเป็น 89.0 ล้านนาท ตามฐานรายได้ที่คาดกจะเพิ่มเป็น 804 ล้านบาท จากโอกาสได้งานใหม่ ที่บริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้ประเมินราคาเป้าหมายปีหน้าได้ที่ 2.54 บาท อิงวิธี Discounted Cash Flow (DCF) 

 



ด้านดาโอ (DAOL) วิเคราะห์โดยทำการเปรียบเทียบระหว่าง UBA กับ PPP ซึ่งทำธุรกิจใกล้เคียงกัน โดยระบุว่า การที่ PPP มีอัตรากำไรสุทธิ (NPM) เฉลี่ย 7% สูงกว่า UBA ที่ 4% และในสถานการณ์ปกติ ราคาหุ้น PPP จะซื้อขายที่ค่าเฉลี่ยบริเวณ 19 เท่า พร้อมกับเปรียบเทียบกับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากลักษณะการประกอบธุรกิจ และการรับงานที่มีการพึ่งพิงการประมูลโครงการภาครัฐและเอกชน แต่เนื่องจากมูลค่างานส่วนใหญ่ของ UBA มีขนาดต่ำกว่า 1 พันล้านบาท จึงมองว่า UBA ควรซื้อขายต่ำกว่า PER ของ PPP และ PER ปีหน้าของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 2.10 บาท อิง PER 16 เท่า 

ขณะที่โนมูระ พัฒนสิน (CNS) คาดกำไรสุทธิปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 31% จาก 63 ล้านบาท ในปีนี้ เพิ่มเป็น 88 ล้านบาท และ 117 ล้านบาท ใน 2 ปีข้างหน้า ตามลำดับ คิดเป็นราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 2.20 บาท อิง P/E ที่ 14.9 เท่า ใกล้เคียงหุ้นกลุ่มงานประมูลและบริการสาธารณูปโภค และใกล้เคียงกับทิสโก้ (TSC) ที่ใช้ P/E ที่ 15 เท่า ประเมินราคาเป้าหมายได้ที่ 2.39 บาท

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้