2339 จำนวนผู้เข้าชม |
นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น (K-Vision) เปิดเผยว่า เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์การขยายธุรกิจของบริษัทแม่ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศัยกภาพสูง ล่าสุด ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ได้อนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในธนาคารแมสเปี้ยน จากที่มีสัดส่วนเดิม 9.99% เพิ่มเป็น 67.5% ด้วยมูลค่าการลงทุน 186.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 6,500 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในธนาคารแมสเปี้ยนอย่างเต็มตัว
การเข้าซื้อกิจการธนาคารแมสเปี้ยน ซึ่งมีขนาดสินทรัพย์ 888 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 31,100 ล้านบาท ด้วยจำนวนสาขาให้บริการ 50 แห่งทั่วประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นการควบรวมกิจการ (M&A) ครั้งแรกของ KBANK ที่มุ่งหวังขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค และเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ทั้งในแง่ความต้องการสินเชื่อที่กำลังเร่งตัวตามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจอินโดนีเซียรับการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด และในแง่ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเกิดจากการหลั่งไหลของการลงทุนในช่วงหลายปีที่ ผ่านมา
ทั้งนี้ KBANK มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนของอินโดนีเซีย โดยจะนำประสบการณ์ ความพร้อม และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจธนาคารที่มียาวนานกว่า 77 ปี มาประยุกต์ ต่อยอด และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางการเงิน ที่ดำเนินการโดย KASIKORN Business Technology Group (KBTG) มาสู่ธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อผลักดันให้ธนาคารเติบโตเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดใน East Java และพร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (Commercial) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail)
โดยกลยุทธ์สนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ KBANK พร้อมเพิ่มศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อ และให้บริการด้านธนาคารที่ครบวงจร เนื่องจากธนาคารเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจกลุ่มนี้ ซึ่งกระจายตัวในธรกิจที่หลากหลาย และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ พร้อมกับทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้าไปในอินโดนีเซีย ทั้งจากธุรกิจไทย และธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ (กลุ่มประเทศ AEC+3) ให้สอดรับกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงตลาดภายในประเทศของอินโดนีเซียให้เป็นหนึ่งเดียว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Development Plan) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งธนาคารเชื่อว่าแผนนี้จะสามารถผลักดันให้ประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในปลายทางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนในระยะต่อไป
ส่วนกลยุทธ์สนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนด้วยการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดกลางที่มีจำนวนมาก เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเทคโนโลยีทางการเงินที่จะช่วยปรับปรุงระบบการชำระเงินแก่ผู้ประกอบการ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการขับเคลื่อนธุรกิจแบบรอบด้าน ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางกลุ่มนี้ ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพร้อมขยายไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์สนับสนุนกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) ธนาคารพร้อมขยายฐานลูกค้ารายย่อยในอินโดนีเซียผ่านการให้บริการ โมบายแบงก์กิ้ง หรือ บริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค หรือธุรกิจขนาดเล็ก (MSME) ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างจำกัด แต่มีความสามารถใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้มากขึ้น ซึ่งธนาคารได้ดำเนินการออกแบบผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลาย พร้อมทั้งพัฒนาระบบโมบายแบงก์กิ้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่มีแนวโน้มการใช้งานผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการธนาคารแมสเปี้ยนครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการยกระดับธนาคารกสิกรไทย ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค AEC+3 หลังจากธนาคารได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจธนาคารท้องถิ่นใน สปป.ลาว ในปี 2557 ต่อด้วยการได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารท้องถิ่นในจีน ในปี 2559 และประสบความสำเร็จจากการเปิดสาขาพนมเปญ ในกัมพูชา เมื่อปี 2560 และสาขาโฮจิมินห์ซิตี้ ในเวียดนาม ปี 2564