2662 จำนวนผู้เข้าชม |
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOCHI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 21 บาท จากราคาพาร์ที่ 1 บาท ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอีก 4 ราย ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) บมจ. หลักทรัพย์ ธนชาต (TNS) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ระหว่างวันที่ 14 - 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 22 ธันวาคมนี้
สำหรับการกำหนดราคา IPO ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) คำนวณจากกำไรสุทธิช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ถึงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเท่ากับ 219.82 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 300 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) หุ้นละ 0.73 บาท คิดเป็น P/E ประมาณ 28.66 เท่า ซึ่งถือว่าสะท้อนปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นระดับราคาที่นักลงทุนสถาบัน (มีการจัดสรรหุ้น 40 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 53.3%) เสนอความต้องการซื้อเข้ามา (Book Building) อีกทั้งเป็นราคาที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการ และยังมีความต้องการซื้อหุ้นเหลืออยู่มากพอในระดับที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพในตลาดรอง
ด้านนายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า หลังจากนำไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 754 ล้านบาทแล้ว จะนำเงินทุนประมาณ 400 - 450 ล้านบาท ไปใช้ขยายสาขา รวมถึงพัฒนาสาขาเดิม และปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น ระบบการขายสินค้าหน้าร้าน และระบบ Supply Chain ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น และมีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ "เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเน้นคุณภาพ สรรสร้างการออกแบบที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้ และคงไว้ซึ่งความนิยมของผู้บริโภคเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ Moshi Moshi เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า"
โอกาสนี้ ผู้บริหาร MOSHI ยังเปิดเผยถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยว่า จะมุ่งเน้น 3 ด้าน ได้แก่ การขยายเครือข่ายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ รวมถึงสาขารูปแบบใหม่ Stand alone ในพื้นที่ใกล้แหล่งชุมชน โรงเรียน และสถานที่ทำงาน และสาขาในรูปแบบ Franchise ในจังหวัดรอง เพื่อต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตในอนาคต โดยตั้งเป้ามีสาขารวม 165 สาขา ภายในปี 2568 ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้รอบด้าน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ๆ ปีละมากกว่า 8,000 SKUs รวมถึงออกสินค้าในลักษณะ Collection สินค้าตาม Seasonal และสินค้าลิขสิทธิ์การ์ตูนที่เป็นที่นิยม เพื่อเพิ่มมูลค่าการซื้อ รวมถึงจัดทำ Visual Merchandise เพื่อ Display สินค้า และใช้กลยุทธ์ Co-Branding ร่วมกับ Influencer เพื่อช่วยสร้างการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG)
และเพื่อเพิ่มอัตรากำไร บริษัทฯ จะปรับสัดส่วนสินค้า (Product Mix) มามุ่งเน้นสินค้าที่มีกำไรสูง ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการลงทุนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยเฉพาะการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาระบบสมาชิกลูกค้า เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าให้ตรงความต้องการลูกค้าแต่ละราย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต่อยอดความสัมพันธ์กับลูกค้า ตลอดจนนำข้อมูลที่ได้มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานขายหน้าร้าน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ขณะที่นางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน MOSHI เสริมว่า การที่ทีมบริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกมายาวนาน มีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้า ทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้า ทำให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ช่วยให้บริษัทฯ ทราบถึงแนวโน้มความต้องการของลูกค้า ความนิยมของสินค้า และกำลังซื้อของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีฝ่ายจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง จึงสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการจัดผังร้านค้าให้มีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น เพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านค้าของผู้ประกอบการรายอื่น ทำให้เป็นผู้นำในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ด้วยส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2562 โดยในปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 37.6% และมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ผลักดันให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ MOSHI มีรายได้รวม 1,253.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเกือบเท่ายอดขายรวมในปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 1,263.84 ล้านบาท ขณะที่อัตราเติบโตของ SSSG เพิ่มขึ้น 50.1% ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สดใสขึ้นเป็นลำดับ หนุนด้วยการเปิดสาขาใหม่ 6 สาขา ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 192% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 134.63 ล้านบาท