ตลาดเชื่อ SEAFCO ธุรกิจ turnaround รับปีกระต่าย

2650 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ตลาดเชื่อ SEAFCO ธุรกิจ turnaround รับปีกระต่าย


หลังจาก บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) แจ้งรับงาน 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.25 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานรวมค่าวัสดุ 1 โครงการ คือ โครงการ North Pole และงานไม่รวมค่าวัสดุ 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะรวม 5 โครงการ โครงการ Bangkok Mall ส่วนเพิ่ม และโครงการ KnightsBridge Space Rayong  

การมี backlog ที่ลงนามในไตรมาส 4 ปีก่อนสูงกว่าคาด ประกอบกับการฟื้นตัวของโครงการก่อสร้างภาคเอกชนที่เร็วกว่าคาด ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายค่าย เชื่อว่า จะเห็นธุรกิจของ SEAFCO พลิกจากขาดทุนในปีก่อนมาเป็นกำไรในปีนี้ ก่อนเห็นกำไรเติบโตแข็งแกร่งในปี 2567

ดาโอ (DAOL) และหยวนต้า (YUANTA) มีมุมมองเชิงบวกจากความคืบหน้างานใหม่ที่เป็นไปตามคาด ส่งผลให้ backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ไม่รวมงานศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ส่วนต่อขยายที่ยังล่าช้า อีกราว 700 ล้านบาท ฟื้นตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี

สำหรับภาพระยะสั้น DAOL คาดผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีก่อนจะขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และเริ่มพลิกมาโชว์กำไรในปีนี้ ตามการฟื้นตัวของ backlog และสถานการณ์แรงงานที่คลี่คลายขึ้น ส่งผลให้คงประมาณการขาดทุนสุทธิปีก่อน 176 ล้านบาท และกำไรสุทธิปีนี้ 70 ล้านบาท และแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท อิง P/BV ที่ 2.4 เท่า (-1SD below 5-yr average P/BV)

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) ประเมินธุรกิจก้าวผ่านจุดต่ำสุดได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีก่อนแล้ว จากความคืบหน้าของโครงการพระราม 2 และ 10 Avenue ทำให้ผลขาดทุนจะเริ่มลดลง โดยคาดขาดทุนปกติทั้งปีที่ 105 ล้านบาท และกลับมามีกำไรในปีนี้ จากการเริ่มงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงตั้งแต่ไตรมาสแรก หนุนให้มีกำไรปกติ 93 ล้านบาท คิดเป็นราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 4.30 บาท อิง P/BV ที่ 2.06 เท่า เทียบเท่า -1SD

 


ส่วนธนชาต (TNS) ชี้ว่า การที่กําไรของ SEAFCO ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เกิดจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทําให้ไม่สามารถเพิ่มงานในมือ และเพิ่มอัตราการดําเนินงานได้ ส่งผลให้ต้องปรับลดประมาณการกําไรปีที่ผ่านมา เป็นขาดทุน 174 ล้านบาท และพปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีถัดไปลง 6% และ 4% ตามลำดับ ส่งผลให้ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.40 บาท

อย่างไรก็ตาม ยังคงคําแนะนํา "ซื้อ" เนื่องจากปัญหาขาดแคลนได้รับการแก้ไข ขณะที่มูลค่างานในมือเพิ่มอย่างมากในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ประกอบกับราคาหุ้น SEAFCO ที่ปรับลงกว่า 24% จากจุดสูงสุดในปีนี้ดูเหมือนจะสะท้อนข่าวร้ายไปหมดแล้ว  และเห็นความเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าสูงขึ้น จากโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่มเติมในปีนี้ โดยเฉพาะงานโครงการก่อสร้างภาคเอกชนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด

นอกจากนี้ ยังคาดว่าอัตรากําไรขั้นต้นของ SEAFCO จะฟื้นตัวจากติดลบ 14% ในปีก่อน มาเป็นบวก 15% และ 18% ในปีนี้ และปีหน้า ตามลำดับ ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯ พลิกจากขาดทุนปีก่อนมาเป็นกำไรปีนี้ 155 ล้านบาท ก่อนเติบโตอีก 28% ในปีหน้า

เช่นเดียวกับฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ที่ให้ราคาเป้าหมาย SEAFCO ที่ 4.40 บาทเช่นเดียวกัน จากการที่งบการเงินพร้อม turnaround ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์ในการเริ่มงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ อีกทั้งราคาหุ้นในรอบปีที่ผ่านมา ติดลบ 24% Underperform ที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้