RS ประกาศเป้ารายได้ปีนี้ 5.5 พันล้านบาท ก่อนปั้น Mkt Cap แตะ 1 แสนล้านบาท ใน 3 ปี

2770 จำนวนผู้เข้าชม  | 

RS ประกาศเป้ารายได้ปีนี้ 5.5 พันล้านบาท ก่อนปั้น Mkt Cap แตะ 1 แสนล้านบาท ใน 3 ปี


หลังจากครบ 3 ปีที่ บมจ.อาร์เอส (RS) ได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจจากบริษัท มีเดีย มาสู่ธุรกิจ Entertainmerce โดยผนวกธุรกิจ Commerce เข้ากับธุรกิจ Entertainment ล่าสุด นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ในปีกระต่าย ตั้งเป้าดันมูลค่าตลาดของบริษัทในกลุ่มให้สูงถึง 1 แสนล้านบาท ภายใน 3 ปี และมีการจัดกลุ่มหน่วยธุรกิจใหม่ แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม

กลุ่มที่หนึ่ง RS Multimedia – ให้บริการสถานีโทรทัศน์ช่อง 8, คลื่นวิทยุ COOL Fahrenheit โดยจะเพิ่มในส่วนของ On-Ground มากขึ้น

กลุ่มที่สอง RS Music - เป็นปีแรกที่ RS จะกลับมาให้ความสำคัญในธุรกิจเพลงเชิงรุกอีกครั้ง โดยเตรียมจัดคอนเสิร์ตที่จะมีทั้งศิลปินหน้าเก่ากลับมาแสดง (RS Homecoming) และศิลปินหน้าใหม่ของสังกัด (RS Newcomers)

กลุ่มที่สาม RS Live Mall - จัดจำหน่ายสินค้าแบ่งเป็น RSMall, Well U, Vitanature+, CAMU-C และ Lifemate

กลุ่มที่สี่ RS Connect – Ulife ถือเป็นธุรกิจหลักภายใต้ RS Connect ที่จะช่วยผลักดันทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นให้ RS เติบโตต่อเนื่อง โดยกำหนดโมเดลทำธุรกิจเป็น 2 รูปแบบ คือ โมเดลธุรกิจเดิม จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ  "ปิ่นโต" เน้นจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพแบบ Subscription และ "PROMPT" เน้นจำหน่ายสินค้าที่น่าสนใจผ่านช่องทางออนไลน์ กับโมเดลธุรกิจใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดตัวแบรนด์สกินแคร์เพื่อคนเอเชีย De Beste (เดอร์ เบสส์เต) อย่างเป็นทางการ เน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โซเชียลคอมเมิร์ซ และเปิดระบบตัวแทนออนไลน์  

กลุ่มที่ห้า RS Pet All – จำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ พร้อมขยายสาขา 17 สาขาทั่วประเทศ เน้นผ่านช่องทางการขาย Traditional Trade มากขึ้น

กลุ่มที่หก RAlliance  – ธุรกิจด้านการลงทุน ซึ่งปัจจุบัน RS ถือหุ้นใน CHASE Asia บริษัทบริหารสินทรัพย์ครบวงจร คาดว่าจะพร้อมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้ภายในไตรมาสแรกนี้

ที่สำคัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS ตั้งเป้าดันมูลค่าตลาด (Market Cap.) ทะลุ 1 แสนล้านบาท ภายใน 3 ปี จากมูลค่าตลาดปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ผ่านแผน Spin-off บริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ซึ่งในเบื้องต้น มีธุรกิจที่มีความชัดเจนแล้วคือ RS Connect โดยได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมนำ ULife เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2568 แล้ว

นอกเหนือจากธุรกรรม Chase แล้ว RS ยังมีแผนดันบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตอีก 4 หน่วยธุรกิจ ประกอบไปด้วย หน่วยธุรกิจ RS Connect, RS Pet All, RS Music และ RS Live Well อีกทั้งในปีนี้ ตั้งเป้าปิลดีลซื้อกิจการ (M&A)  2-3 ดีล มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 300 - 600 ล้านบาท มุ่งเน้นไปที่การต่อยอดธุรกิจ Entertainmerce ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาทิ การขยายแพลตฟอร์มและเพิ่มช่องทางการขาย, การรุกธุรกิจ Digital Business, การเพิ่มความหลากหลายของสินค้า

 



สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ ตั้งไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 33% แบ่งเป็นธุรกิจ Commerce 3.1 พันล้านบาท และธุรกิจ Media & Entertainment 2.4 พันล้านบาท บน Gross Margin 48-50% และ Net Margin ที่ 11-13%

โดยธุรกิจ Commerce มีรายได้หลักมาจากหน่วยธุรกิจ RS Live Well ที่ 1.8 พันล้านบาท (สัดส่วน 33% ) ขายสินค้าภายใต้ 4 แบรนด์หลัก Well-U, Vitanatue+, CAMU-C และ Lifemate ตั้งเป้าเพิ่ม 41SKUs พร้อมเติบโตผ่านการขยายช่องทางการขายสินค้ากับพันธมิตรใหม่ๆ

ส่วนรายได้จากธุรกิจ Media & Entertainment มีรายได้หลักจากหน่วยธุรกิจ RS Multimedia ที่ 1,450 ล้านบาท (สัดส่วน 26%) ชู concept "ภูธร มาร์เก็ตติ้ง" ผลิตคอนเทนต์รุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะที่ ULife ซึ่งเป็นอีกหน่วยธุรกิจหลักภายใต้ RS Connect ตั้งเป้ารายได้ที่ 900 ล้านบาท (สัดส่วน 16%) เพราะจำหน่ายสินค้าที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงและจะรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรก ขณะที่ RS Pet All (สัดส่วน 7%)

วิสัยทัศน์ใหม่ และเป้าหมายที่ผู้บริหาร RS วาดหวังเอาไว้ ได้รับการตีความจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ว่า น่าจะช่วยขยายฐานกำไรให้สูงขึ้นได้ แต่เสียงส่วนใหญ่ยังมองว่า เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้สูงเกินไป

เอเซีย พลัส (ASPS) มองเป้าหมายรายได้ของ RS ที่ 5.5 พันล้านบาท สูงกว่าที่ประเมินไว้ที่ 4.8 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม โดยคาด Net Margin ที่ 9.3% เทียบกับเป้าที่บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 11-13% จึงประเมินกำไรสุทธิปีนี้เพียง 456 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 82% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายกำไรสุทธิที่ผู้บริหาร RS ประเมินไว้ระหว่าง 605-715 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมที่ 19.70 บาท อิงวิธี DCF อิง WACC ที่ 7.4%

ส่วนฟิลลิป (PLS) บอกว่า การตั้งเป้ารายได้ค่อนข้าง aggressive แม้เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และธุรกิจเพลง รวมถึงงานอีเวนต์ที่จะมีมากขึ้น แต่ยังกังวลเศรษฐกิจภายนอกที่ชะลอตัวลงจะเข้ามาบดบังการฟื้นตัวได้ จึงยังคงประมาณการเดิมไว้ก่อน โดยให่มูลค่าพื้นฐานที่ 17.50 บาท เพื่อติดตามพัฒนาการถึงความเป็นไปได้ของเป้าธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ จะมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบางส่วนของ Chase ซึ่งยังไม่ได้รวมอยู่ในเป้าธุรกิจ จึงยังคงแนะนำ “ถือ”

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) มองบวกต่อแผนธุรกิจใหม่ เพราะเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตโดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ และ RS Connect (ธุรกิจเดิมของ Ulife) ซึ่งอยู่ในตลาด Mass ที่มีโอกาสเติบโตสูง ประกอบกับการเปิดประเทศ เม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว และการขยายธุรกิจใหม่ จะช่วนผลักดันให้ผลดำเนินงานกลับสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้ง

เบื้องต้น คาดกำไรปีนี้ ฟื้นตัวเด่น 139%YoY เป็น 581 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าพื้นฐาน ที่ 18 บาท อิงวิธี DCF อิง WACC ที่ 7.9% และมี Upside ที่จะปรับเพิ่มประมาณการขึ้น จากกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายหุ้นบางส่วนของ Chase ที่คาดจะบันทึกในไตรมาสแรกนี้ และแผน Spin-Off บริษัทอื่นๆ ในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากเป้าหมายการเพิ่ม Market Cap กว่า 6 เท่าตัว เป็น 1 แสนล้านบาท ใน 3 ปีข้างหน้า เกิดขึ้นจริง แนวโน้มกำไรในปี 2567–68 จะสูงกว่าที่ประเมินไว้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้