2619 จำนวนผู้เข้าชม |
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBX) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. สิวารมณ์ เรียลเอสเตท (SVR) ร่วม เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.49% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท ระหว่างวันที่ 31 มกราคม และวันที่ 1 - 2 กุมภาพันธ์ศกนี้ ผ่านบริษัทฯ และ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) ที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) และ บมจ. หลักทรัพย์ พาย (Pi) คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO ที่ 2.20 บาท ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลดำเนินงานช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 13.93 เท่า ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
ที่สำคัญ SVR ยังเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะบริษัทฯ มีศักยภาพการทำกำไรที่โดดเด่น แม้จะเผชิญกับวิกฤตโควิดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนผ่านรายได้และกำไรที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากที่มีรายได้ 557 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 576 ล้านบาท ในปี 2564 เช่นเดียวกับกำไรที่เพิ่มจาก 42 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 64 ล้านบาท ในปี 2564 ขณะรายได้และกำไรช่วง 9 เดือนปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 532 ล้านบาท และ 36 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 47.73% และ 66.23% ตามลำดับ ช่วยตอกย้ำให้เห็นโอกาสที่จะก้าวสู่ระดับ High Growth อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้านนายธีรศักดิ์ ทวีปิยมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ UOBKH ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมว่า SVR มีจุดเด่นตรงที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบน้องใหม่ ที่บริหารงานโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็นมืออาชีพ กำหนดกลยุทธ์การทำธุรกิจที่ชัดเจน ทั้งขนาดของโครงการ จะเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นที่ขนาดที่ดินต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อไม่ให้เกิดอุปทานส่วนเกิน ขณะที่แนวทางพัฒนาโครงการ จะยึดแนวคิด "Best Smart Living" ไล่ตั้งแต่การออกแบบบ้าน การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ไปจนถึงการตั้งราคาขายที่คุ้มค่า โดยกำหนดราคาขายอยู่ที่ 1 - 7 ล้านบาท ทุกโครงการ
ปัจจุบัน SVR มีการพัฒนาโครงการแล้ว 9 โครงการ ในจำนวนนี้ปิดการขายแล้ว 2 โครงการ อยู่ระหว่างขาย 6 โครงการ และอยู่ระหว่างพัฒนา 1 โครงการ โดยแต่ละโครการจะกระจายตัวในหลายทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งบางปู สมุทรปราการ นิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ระยอง และกำลังขยายเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่า เป็นกลยุทธ์การทำธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง จึงเชื่อมั่นว่า นักลงทุนจะให้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ส่วนนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า แนวคิดในการทำธุรกิจแบบ Best Smart Living ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของ SVR เพราะแต่ละโครงการที่บริษัทฯ จะพัฒนา บริษัทฯ จะพิจารณาจากทั้งทำเลใกล้แหล่งชุมชน หรือแหล่งที่ทำงาน และมีความพร้อมด้านโครงข่ายคมนาคม (SMART Location) สอดประสานไปกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย (SMART Function) มีความทันสมัยที่มาพร้อมความสะดวกสบาย (SMART Home) และให้ความรู้สึกคุ้มค่าในการซื้อเพื่ออยู่อาศัย (SMART Value) ทำให้โครงการของบริษัทฯ สามารถตอบโจทย์ทุก Lifestyle ทุก Generation ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ทุกโครงการสามารถจำหน่ายหมดภายใน 1 - 3 ปี หนุนให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายอรรถปวิทย์ มโนธรรมรักษา กรรมการผู้จัดการ (SVR) เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เพราะบริษัทฯ จะนำเงินทุนที่ได้ครั้งนี้ไปใช้ลงทุน ทั้งเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมกับขับเคลื่อนทุกโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สร้างมูลค่ากับบริษัทฯ อีกทั้งจะนำเงินไปชำระคืนหนี้ระยะสั้น เพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถยกระดับการเติบโตสู่ระดับ High Growth และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นตามมา