2879 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากในปีที่ผ่านมา บมจ. ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป (WHA) มีการเติบโตก้าวกระโดดในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน หรือดิจิทัล โซลูชัน ทั้งในไทยและเวียดนาม ดังนั้น เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน กลุ่มบริษัทฯ ได้กำหนดแผน 5 ปีนี้ (2566-2570) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 100,000 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) สูงกว่า 40% ขณะที่ควบคุมอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD) ต่ำกว่า 1.2 เท่า
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA ชี้แจงว่า มีความมั่นใจต่อภาพธุรกิจใน 5 ปีนี้เชิงบวก หลังเห็นสัญญาณการก้าวเข้าใกล้การเป็น Technology Company มากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการส่งเสริมนวัตกรรมต่าง ๆ ให้กับทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พร้อมมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของกลุ่มบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทยโดยรวม ภายใต้พันธกิจ ที่เรียกว่า “Mission to the Sun”
เฉพาะปีนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ (ดำเนินการผ่านบริษัทฯ ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์) พร้อมส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่ คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 200,000 ตารางเมตร (แบ่งเป็น 165,000 ตารางเมตรในประเทศไทย และ 35,000 ตารางเมตรในเวียดนาม) ให้แก่ลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) ภาคสินค้าอุปโภคบริโภค และภาคค้าปลีก เพิ่มสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารสูงถึง 2.90 ล้านตารางเมตร เทียบกับ 2.72 ล้านตารางเมตร ในปีก่อน และมีแผนขายสินทรัพย์ คิดเป็นพื้นที่รวม 142,000 ตารางเมตร ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาท
ด้านธุรกิจ Office Solutions พร้อมเดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานอีกหลายแห่งบนทำเลที่ดีเยี่ยม เพิ่มจากที่มี 6 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 100,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการ WHA KW S25 ภายในครึ่งหลังปีนี้
สำหรับแผนเติบโตระยะกลางถึงยาว ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ พร้อมสร้างการเติบโตโดยมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมเติบโตสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมิร์ซ และเฮลธ์แคร์ ผ่านการประสานความร่วมมือกับ Key Player ระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้
สำหรับธุรกิจพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งดำเนินการผ่าน บมจ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHA) มีแผนตอกย้ำความเป็นผู้นำในไทย และขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเน้นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศขั้นสูง และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้รวมกันไม่ต่ำกว่า 1,750 ไร่ ใกล้เคียงปีที่ผ่านมาที่่ทำได้ 1,860 ไร่ จากพื้นที่ในครอบครองทั้งหมด 71,000 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่พร้อมขายกว่า 4,000 ไร่
เฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศ ล่าสุด บริษัทฯ มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการรวม 12 แห่ง นับรวมนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (1,280 ไร่) ที่เพิ่งดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปีก่อน และมีนิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง เฟส 1 (1,100 ไร่) ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 (2,400 ไร่) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2569 นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (570 ไร่) และโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (400 ไร่)
พร้อมกันนั้น บริษัทฯ ยังมีการขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น อย่างการจัดหาก๊าซไนโตรเจน ผ่านบริษัทร่วมทุน บีไอจี ดับบลิวเอชเอ อินดัสเทรียลแก๊ส (BIG WHA) ซึ่งบริษัทลงทุนร่วมกับ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส (BIG) พร้อมขยายการให้บริการออกไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมจากที่เปิดให้บริการในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) แล้ว และพร้อมเจรจากันพันธมิตรรายใหม่สำหรับก๊าซอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ตามมาในอนาคต
สำหรับให้บริการไฟเบอร์ออพติคใต้ดิน (FTTx) ในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 11 แห่ง และให้บริการเช่าเสาโทรคมนาคมเพื่อติดตั้งอุปกรณ์รับ และกระจายสัญญาณเครือข่าย 5G ในนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง พร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้งานทุกค่าย
สำหรับประเทศเวียดนาม WHA มีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง และจะขยายโครงการใหม่ ในจังหวัดหลักของเวียดนาม อีก 2 โครงการ รวมพื้นที่ 20,950 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
โดยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ โซน 1 - เหงะอาน ได้ดำเนินการก่อสร้างเฟส 1 ขนาด 900 ไร่ แล้วเสร็จ พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และการดูแลสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพสูงสุด และได้ปล่อยเช่าให้แก่ลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ การแปรรูปอาหาร วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กว่า 77% ของพื้นที่เฟส 1 และด้วยสภาวะอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมสูง บริษัทฯ จึงเร่งดำเนินการก่อสร้างเฟสที่ 2 พื้นที่ขนาด 2,215 ไร่
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับองค์กรท้องถิ่นของเวียดนามเพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมอีก 2 แห่ง ได้แก่ เขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Industrial Zone - Thanh Hoa พื้นที่ 5,320 ไร่ ซึ่งจังหวัดทัญฮว้า เป็นจังหวัดที่มีประชากรกว่า 3.6 ล้านคน มากเป็นอันดับสามของเวียดนาม มีกำหนดเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2567 หรือต้นปี 2568 และเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Eco Industrial Zone – Quang Nam พื้นที่ 2,500 ไร่ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางของภาคกลางอย่างจังหวัดดานัง และจังหวัดกว๋างหงาย คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ ในปี 2569 หรือ 2570 และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างหลังจากนั้น
ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน ที่ดำเนินการผ่าน บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) จะมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม มีการตั้งเป้าการจัดการน้ำประปาและน้ำเสียสูงถึง 168 ล้านลูกบาศก์เมตร และการซื้อขายน้ำกับอุตสาหกรรมรายใหญ่ คิดเป็นปริมาณรวมทั้งสิ้น 15 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ ยังมีการเปิดดำเนินการโรงผลิตน้ำและโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ด้วยกำลังการผลิตรวม 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีแล้ว และจะเริ่มก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขนาดกำลังการผลิตรวม 5.8 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
ขณะเดียวกัน ยังพร้อมเดินหน้าโครงการจัดหาน้ำดิบทดแทนเพื่อความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำอีก 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยโครงการน้ำดิบแห่งแรกมีขึ้นเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 และเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว ส่วนโครงการที่สองในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (WHA ESIE4) จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสแรกนี้
ส่วนที่เวียดนาม ซึ่งมีการให้บริการอยู่ 3 โครงการ คาดว่าจะมีการเติบโตของการจัดการน้ำประปาและน้ำเสียเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับธุรกิจด้านพลังงาน WHAUP ตั้งเป้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 847 เมกะวัตต์ เพิ่มจาก 683 เมกะวัตต์ในปีก่อน ประกอบไปด้วยพลังงานสิ้นเปลือง (Conventional Power) 547 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 133 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม (Waste to Energy) 3 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 300 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ด้วย
สำหรับแผนระยะกลางถึงยาว WHAUP จะมีการขยายธุรกิจในไทยและเวียดนามต่อเนื่อง พร้อมกับสำรวจหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆ ควบคู่ไปกับการนำเอานวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ๆ กับธุรกิจ New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ไฮโดรเจน การซื้อขายคาร์บอนและการใช้และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อพัฒนาและผลักดันสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านแพลตฟอร์ม Renewable Energy Exchange (RENEX) ที่ทำร่วมกับกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) และ Sertis ให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด หลังจากได้มีการลงนามกับลูกค้ากลุ่มแรก 54 ราย ในนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ WHA ESIE 1, WHA ESIE 2 และ ESIE แล้ว
ขณะที่ธุรกิจดิจิทัล โซลูชัน หลังจากได้มีการเปิดตัว WHAbit แอปพลิเคชันด้านเฮลธ์แคร์ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการแพทย์ทางไกล โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชแล้วในปีที่ผ่านมา ปีนี้จะเห็นการเปิดตัวเวอร์ชันที่สองในไตรมาส 2 ปีนี้ ที่มีฟีเจอร์แสดงข้อมูลด้วยภาพ (Data Visualization) และคำแนะนำส่วนบุคคล
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัว Meta W ซึ่งเป็นเมตาเวิร์สด้านอุตสาหกรรมรายแรกที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเข้าไปสัมผัส และมีประสบการณ์เสมือนจริงทั้งในรูปแบบของกิจกรรม การดำเนินงาน โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ และการตรวจเช็คข้อมูลต่างๆ และมีแผนขยายผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ เพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าทั้งภายในและภายนอกระบบนิเวศของกลุ่ม WHA บริษัทฯ เดินหน้าทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลผ่านโครงการต่าง ๆ กว่า 32 โครงการเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567 ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ และมีพัฒนาการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
และเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทั้งกลุ่ม WHA มีการกำหนดงบลงทุน 6.85 หมื่นล้านบาท ใน 5 ปีนี้ (ปี 2566-2570) แบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์ 1.7 หมื่นล้านบาท นิคมอุตสาหกรรม 2.9 หมื่นล้านบาท ธุรกิจด้านสาธารณูปโภค 1.85 หมื่นล้านบาท และดิจิทัล 0.4 หมื่นล้านบาท