2681 จำนวนผู้เข้าชม |
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เริ่มรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีและธนชาต จนมาเป็น ทีเอ็มบีธนชาต ตลอด 3 ปีนี้ ธนาคารได้ประกาศถึงเจตนารมย์ที่จะเป็นธนาคารที่มุ่งมั่นช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งประเทศ (The Bank of Financial Well-being) โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาความผันผวนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้วันนี้ปัญหาวิกฤตโควิดจะเริ่มเบาบางลง แต่บาดแผลทางเศรษฐกิจที่ทิ้งไว้ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ หรือปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นที่กระทบต่อกำลังซื้อ ทำให้ประชาชนที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องหรือมีหนี้เดิมอยู่เกิดความยากลำบากทางด้านการเงินมากขึ้น ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนในไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา แตะระดับสูงถึง 86.8% ของ GDP จากสถานการณ์ที่ต้องเผชิญทำให้พันธกิจของธนาคารเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะได้รับและคาดหวังให้ธนาคารสามารถทำให้เป็นจริงขึ้นได้
โดยตั้งแต่รวมกิจการ ttb ได้ส่งมอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าผ่านโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ อาทิ การช่วยให้คนไทยกว่า 2 ล้านคน ได้มีความคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุฟรี ผ่านบัญชี ttb all free และช่วยลูกค้าที่มีหนี้ทำการรวบหนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่มีลูกค้าร่วมโครงการราว 2,000 ราย ช่วยให้คนเหล่านี้ประหยัดเงินจากดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมเป็นเงินกว่า 270 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายอันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่จากความพร้อมของธนาคารที่สะท้อนได้จากความสำเร็จทั้งในแง่ธุรกิจ และการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าของธนาคารที่ผ่านมา ถือเป็นสิ่งชี้วัดว่าธนาคารได้ดำเนินการมาถูกทาง หลังจากนี้ยังคงมุ่งสานต่อพันธกิจ ด้วยการเดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในรูปแบบใหม่อีกครั้ง (The Next REAL Change) ขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. Synergy Realization: การนำจุดแข็งและความแข็งแกร่งจากการรวมกิจการมาต่อยอดพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้า เพราะหลังรวมกิจการ ธนาคารมีความแข็งแกร่งจากฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย สะท้อนผ่านผลประกอบการปีที่ผ่านมา ที่ธนาคารมีกำไรสุทธิ 14,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้า และได้ประโยชน์ด้านค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการรับรู้ Cost Synergy ของการรวมกิจการ ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงจาก 48% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 45%
ธนาคารถือว่ามีความพร้อมทั้งศักยภาพที่แข็งแกร่งและงบประมาณในการลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า จากเดิมที่ธนาคารมีสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน บัญชีเพื่อใช้ เพื่อออม และบัญชีเงินเดือน เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในตลาด ปีนี้ ttb จะต่อยอดจุดแข็งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปสู่สินเชื่อรถแลกเงิน (ttb cash your car) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (ttb cash your home) สินเชื่อ ttb payday loan และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถ ซึ่งโซลูชันเหล่านี้นอกจากจะมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นแล้ว ยังจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาสภาพคล่องภายใต้เศรษฐกิจผันผวนของปีนี้ได้ด้วย
2. Digitalization : การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินและพัฒนาประสิทธิภาพของธนาคารผ่าน ttb touch เวอร์ชันใหม่ ให้ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรอบด้าน โดยตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Top 3 Digital Banking Platform โดยหลังจากธนาคารได้พัฒนา ttb touch เวอร์ชันใหม่ได้เปิดตัวไปเมื่อไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 46% และจำนวนรายการธุรกรรมบนแอปเติบโตขึ้น 25% ถึงแม้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ttb touch จะเกิดปัญหาขัดข้อง แต่ทีมงานได้เร่งปรับปรุงแก้ไข และวางแผนพัฒนาความสามารถในการรองรับการให้บริการอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบัน แอปมีความเสถียรและสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญด้วยศักยภาพของ ttb touch เวอร์ชันใหม่ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงโปรโมชันต่าง ๆ ให้กับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 หรือ Segment-of-One ยกระดับการให้บริการลูกค้าได้ โดยธนาคารจะเดินหน้าพัฒนาองค์กรให้เป็น Digital-First Experience เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมส่วนใหญ่ได้เองผ่าน ttb touch เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในขณะที่พนักงานสาขาจะมีบทบาทสำคัญในการเป็น Trusted Advisor ให้คำปรึกษา แนะนำและให้บริการลูกค้าบนผลิตภัณฑ์และบริการที่ซับซ้อน
3. Ecosystem Play : การสร้างชีวิตทางการเงินของลูกค้าบัญชีเงินเดือน มีรถ มีบ้านให้ดีขึ้นรอบด้าน เพราะธนาคารมีแผนสร้างการเติบโตด้วย New Business Model มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ามนุษย์เงินเดือน กลุ่มคนมีรถ และกลุ่มคนมีบ้าน ซึ่งเป็น 3 กลุ่มหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญ และมีฐานลูกค้าเป็นแต้มต่อ โดยธนาคารจะต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของลูกค้าตลอดการเดินทางในแต่ละช่วงชีวิต เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการเรื่องสำคัญได้อย่างรอบด้าน โดยมุ่งเน้นการทำงานจากทีมภายใน และร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำภายนอก (Partnership) โดยมี ttb touch เป็นตัวขับเคลื่อนให้ลูกค้าบริหารจัดการชีวิตได้อย่างครบวงจร และมีความสะดวกสบาย
พร้อมกันนี้ ธนาคารจะให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมบุคลากร เพื่อให้สามารถร่วมกัน Transform องค์กรได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มศักยภาพและจำนวนทีมงานด้าน Tech & Data ให้มากขึ้น ผ่านการจัดตั้งทีมดิจิทัล ttb spark และ ttb spark academy เพื่อมุ่งเน้นการสร้าง Talent รุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอดรับกับโลกธุรกิจ ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชัน
ปัจจุบันมีทีมงาน ttb spark มากกว่า 400 คน ดูแลทั้งในส่วนของฝั่ง Tech และ Beyond Banking Business พร้อมผลักดันและพัฒนาแอป ttb touch ให้มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้าน ttb spark academy ได้มีกิจกรรมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำและมีนักศึกษาเข้ามาฝึกงานด้วยอย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุด มีการจัดกิจกรรม ttb hackathon : Financial Well-being for Thais ซึ่งมีผู้ร่วมสมัครมากกว่า 100 ทีม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่เพื่อให้ Talent เหล่านี้สนใจร่วมงานกับธนาคารในอนาคต