ธุรกิจค้าส่ง หัวใจผลักดันรายได้ MAKRO ปีกระต่าย หลังปีเสือหนุนรายได้ทะยาน 76%

3082 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ธุรกิจค้าส่ง หัวใจผลักดันรายได้ MAKRO ปีกระต่าย หลังปีเสือหนุนรายได้ทะยาน 76%


บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) รายงานผลดำเนินงานรอบบัญชีปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 76.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ (ไม่รวมรายการกำไรทางบัญชี จากการรวมธุรกิจแบบขั้นที่เกิดจากการรวมธุรกิจค้าปลีกเข้ามาในเดือนตุลาคมปีก่อนหน้า) 7,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% YoY ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 14.2%  โดยมีปัจจัยมาจากจากการเติบโตของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หนุนด้วยการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปรับรูปแบบสาขาให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับการวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถเติมเต็มช่องทางจำหน่ายได้อย่างไร้รอยต่อ อีกทั้งธุรกิจฟูดเซอร์วิส ที่มีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มโฮเรก้า ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง เติบโตดีขึ้นตามความคึกคักของการท่องเที่ยว 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลสำหรับรอบบัญชีปีที่ผ่านมา ในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 เมษายน และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บมจ.สยามแม็คโคร เป็น บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า พร้อมเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่จาก MAKRO เป็น CPAXT เพื่อให้สะท้อนภาพที่ชัดเจนของธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมทั้งค้าส่ง และค้าปลีก รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้ แบรนด์เดิม ทั้ง แม็คโคร (Makro) สำหรับธุรกิจค้าส่ง และแบรนด์ โลตัสส์ (Lotus’s) สำหรับธุรกิจค้าปลีก ซึ่งต้องขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 เมษายนเพื่อให้ความเห็นชอบก่อน  

 

 



โอกาสนี้ นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่ง แม็คโคร เล่าให้ฟังถึงแนวโน้มธุรกิจไตรมาสแรกปีนี้ด้วยว่า มีสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง สอดรับกับการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวหลัก อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการช้อปดีมีคืนส่งผลให้มีการจับจ่ายใช้สอยคึกคักขึ้น

สำหรับแผนงานหลักๆ ปีนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายสาขา และพัฒนาช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจจำหน่ายอาหารสด ที่พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรรายย่อย ให้เติบโตไปด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับการที่บริษัทฯ เข้าเป็นสมาชิกของดัชนี S&P Global The Sustainability Yearbook 2023 ในกลุ่ม Food & Staples Retailing ซึ่งเป็นดัชนีชั้นนำของโลกที่ใช้วัดผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ เสียงส่วนใหญ่มองว่า กำไรไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาเติบโตเด่นตามคาด หนุนจากธุรกิจค้าส่งที่เติบโตแข็งแกร่ง และน่าจะส่งผลบวกต่อเนื่องสำหรับภาพรวมธุรกิจในระยะสั้น และระยะกลางตามมา

หยวนต้า (YUANTA) บอกว่า กำไรปกติในปีที่ผ่านมา 7.6 พันล้านบาท เติบโตตามรายได้รวม 4.69 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จาก Lotus’s ซึ่งเริ่มบันทึกรายได้เข้ามาเต็มปี 2.04 แสนล้านบาท และรายได้จาก Makro ที่ 2.4 แสนล้านบาท เติบโต 9.5% YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโฮเรก้า ที่พลิกฟื้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่รายได้ค่าเช่าและบริการอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีรายได้เพียง 2.6 พันล้านบาท จากรายได้พื้นที่เช่าของ Lotus’s 

การที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้คาดยอดขายปีนี้จะเติบโตโดดเด่น หนุนโดยยอดขายที่เติบโตของกลุ่มโฺฮเรก้า และยอดขายทั้งจาก Lotus’s และ Makro ทำให้คาดอัตราเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโตสูงต่อเนื่อง หลังจากทำได้ในอัตรา 7-12% ต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ขณะที่แรงกดดันจากภาระหนี้และค่าใช้จ่ายที่สูงของ Lotus’s จะเริ่มได้รับการแก้ไข โดยตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้ต่างประเทศจากเดิม 38% เหลือ 17% ซึ่งน่าจะเห็นภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงในครึ่งปีหลัง ทำให้ประเมินรายได้รวมปีนี้ ที่ 515,350 ล้านบาท และมี่กำไรปกติที่ 13,980 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 81.6% คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 48 บาท

ด้านไพ (Pi) ประเมินกําไร 3 ปีนี้ (ปี 2566-68) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 22% หนุนจากรายได้ที่เติบโตเด่น หลังจากมีการปรับปรุงสาขา Lotus's ตลอด 3 ปีนี้ หนุนด้วยยอดขายออนไลน์ที่แข็งแกร่งจากกลยุทธ์ออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) โดยคาด SSSG ของธุรกิจค้าส่งยังแข็งแกร่งที่ 11-14% ส่วนธุรกิจค้าปลีกยังทรงตัวหรือเป็นบวกเล็กน้อย ส่งผลให้แนวโน้มกำไรปีนี้เติบโตเป็น 10,417 ล้านบาท และปีหน้าที่ 12,363 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าพื้นฐานได้ที่ 42 บาท เมื่อคำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) อิง P/E ปีหน้าที่ 35 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ยกลุ่มพาณิชย์ไทย

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้