2812 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจาก บมจ. กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) รายงานผลดำเนินงานปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,026.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.38% จากปีก่อนหน้า สาเหตุจากยอดขายตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพูลบ๊อกซ์ ที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หนุนด้วยยอดขายสินค้าแบบสั่งผลิตเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้อานิสงค์จากการที่บริษัทฯ สามารถปรับราคาขายได้ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักที่เพิ่มขึ้น และการใช้เทคโนโลยีควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้ต่ำลง จึงทำให้กำไรขั้นต้นปรับเพิ่มจาก 25.46% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 28.62% และอัตรากำไรสุทธิปรับเพิ่มจาก 11.12% มาเป็น 12.83% และส่งผลให้กำไรสุทธิขยายตัว 39.97% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 131.63 ล้านบาท
โอกาสนี้ บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลสำหรับรอบบัญชีทั้งปี ทั้งเงินปันผล และหุ้นปันผล โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.63 บาท และหุ้นปันผลในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 1.13 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 10 มีนาคม และกำหนดวันจ่ายปันผลวันที่ 25 เมษายนนี้
ขณะเดียวกัน นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL กล่าวถึงแผนธุรกิจช่วง 3 ปีนี้ว่า พร้อมปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจด้วยการเร่งขยายกำลังการผลิตให้เร็วขึ้นกว่าแผนเดิม หลังจากเห็นสัญญาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตเท่าตัว จากปัจจุบัน 20 ล้านชิ้น เป็น 40 ล้านชิ้น ภายในปี 2568 เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายใหญ่ที่มุ่งหวังผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตขึ้น 2 เท่าตัวภายในปี 2570 ภายใต้งบลงทุน 3 ปีนี้ ราว 500 ล้านบาท สำหรับภาพระยะสั้น ปีนี้ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10-15%
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบริษัทฯ มีแผนขยายกลุ่มลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิด "KJL Everywhere เราอยู่ทุกที่ที่มีไฟฟ้า" ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาล พลังงานทดแทน ธุรกิจ IT หรือ Data Center รวมถึงเทคโนโลยี IOT ที่จะตอบสนองธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
โดยมีแผนจะนำเสนอสินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ศึกษาการใช้วัตถุดิบการผลิตใหม่ๆ ขยายพื้นที่คลังสินค้า ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อเพิ่ม capacity อีก 20% รวมถึงบริหารต้นทุนการผลิตให้ลดลง ด้วยการติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงาน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง โดยอาศัยจุดแข็งจากเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตแบบ Digital Industry 4.0 เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด
ขณะเดียวกัน KJL พร้อมขยายตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากการใช้เครือข่ายสมาชิกกลุ่มผู้รับเหมาและช่างไฟฟ้า ที่ดำเนินการผ่านช่องทาง "รวมพลคนไฟฟ้า" โดยปีนี้ซึ่งเป็นปีแรก ตั้งเป้าหมายยอดสมาชิกไว้ 5,000 ราย ก่อนขยายเพิ่มเป็น 3 เท่าตัวคือ 15,000 ราย ภายในปี 2568