PRTR ทะยานเหนือจองทั้งวัน ตอกย้ำภาพเบอร์หนึ่งธุรกิจ HR ไทยที่พร้อมโตระดับภูมิภาค

2627 จำนวนผู้เข้าชม  | 

PRTR ทะยานเหนือจองทั้งวัน ตอกย้ำภาพเบอร์หนึ่งธุรกิจ HR ไทยที่พร้อมโตระดับภูมิภาค


การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เพราะหลังจากเปิดตลาดที่ 8.90 บาท สูงเกินราคาจองที่ 7.20 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 23.61% และแกว่งตัวลงมาที่ 8.80 บาท มีแรงซื้อดันราคาหุ้นให้ไต่ระดับขึ้นมาเป็นลำดับ กระทั่งยืนเหนือ 10 บาท โดยทำจุดสูงสุดของวันที่ 10.30 บาท มีแรงขายทำกำไรท้ายตลาด กดราคาให้อ่อนตัวลงมาปิดที่ 10.10 บาท เหนือจอง 2.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 40.28% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 3,413 ล้านบาท

โอกาสนี้ นางสาวริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRTR ขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับที่ดีในการซื้อขายวันแรก โดยย้ำว่า บริษัทฯ พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่าย 1,042 ล้านบาท แบ่งครึ่งหนึ่งไปใช้คืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินเพื่อลดภาระดอกเบี้ย อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะนำไปใช้ต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรด้านบุคลากรอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัทฯ จะต้องจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนล่วงหน้าให้พนักงาน Outsource ก่อน และเรียกเก็บค่าดำเนินการจากลูกค้าภายหลัง ดังนั้น การมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ จะทำให้ PRTR มีความพร้อมในการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูงมากขึ้น เช่น กลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว และกลุ่มไอที รวมถึงการขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน ทั้งบริการแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ (Job Platform) ภายใต้บริษัท จัดหางาน เน็กซ์มูฟ แพลตฟอร์ม (NEXMOVE) และบริการฝึกอบรมแบบออนไลน์ ภายใต้บริษัท เดอะแบล็คสมิธ (BLACKSMITH) และการขยายขอบเขตการทำธุรกิจไปสู่ธุรกิจ software as a service ผ่านบริษัทร่วมทุน พินโน โซลูชั่นส์ (PINNO) ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูง

ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของ PRTR เชื่อมั่นว่า กลยุทธ์ผลักดันการเติบโตทางธุรกิจ จะช่วยเร่งกำไรให้เติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีนี้ (ปี 2566-68) ด้วยอัตราเฉลี่ย (CAGR) 18% หนุนโดยความต้องการพนักงานเพื่อสนับสนุนการทำงานรูปแบบใหม่ที่สูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดย บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ใกล้เคียงกัน ที่ 9.00 - 9.10 บาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) ให้ราคาเป้าหมายที่ 10.39 บาท ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) ประเมินราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 11.80 บาท


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้