DEXON พร้อมเข้า mai ปิดฉากไตรมาสแรก หลังเคาะราคา IPO ที่ 4.50 บาท เปิดจอง 24-27 มี.ค.นี้

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี (DEXON) เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 123.18 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.85% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO ที่ราคาหุ้นละ 4.50 บาท จากราคาพาร์ 50 สตางค์ ระหว่างวันที่ 24 และ 27 มีนาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 4 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี ประเทศไทย (CGS-CIMBS) บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ.หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) และ บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BEYOND) คาดว่า จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ การตั้งราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 4.50 บาท มาจากผลสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) จากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งราคาที่เสนอขายนั้นสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ และโอกาสการเติบโตในอนาคต เนื่องจาก DEXON ถือเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม ทั้งด้านโครงสร้าง การก่อสร้าง และอุปกรณ์การผลิตสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ผลิตไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีฐานลูกค้ากว่า 2,000 ราย กระจายตัวในทุกทวีป โดยอาศัยจุดแข็งจากทีมผู้เชี่ยวชาญ ทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ มีเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึงนวัตกรรมที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นมาเอง จนได้รับใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ จากหน่วยงานรับรองระดับสากล ช่วยให้สามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพ และมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก มานานกว่า 26 ปี

ที่สำคัญการระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริษัทฯ สามารถขยายการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจรได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ผ่านบริษัทย่อยทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี พีทีอี ลิมิเต็ด (DTS) ที่ให้บริการลูกค้าในสิงคโปร์และประเทศข้างเคียง บริษัท เด็กซ์ซอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ (DTC) ที่ให้บริการการฝึกอมรบเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถแก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอก รวมถึงบริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ (DMS) ที่ให้บริการงานออกแบบทางวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง และงานให้บริการบุคลากรทางด้านเครื่องกล และซ่อมบำรุงทั้งในส่วนงานท่อ และโครงสร้าง ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และบริษัท เด็กซ์ซอน ยุโรป บีวี (DEBV) ในเนเธอร์แลนด์ ที่ให้การดำเนินงานครอบคลุมลูกค้าในทวีปยุโรป และช่วยให้บริษัทฯ ได้ประโยชน์ทางภาษีตามที่กำหนดไว้ในสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double Tax Treaty) ภายในปีหน้า และน่าจะเห็นบริษัทย่อยแห่งที่ 5 ในอเมริกา ในเร็ววันนี้ เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการตรวจสอบท่อโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advance Inline Inspection) แก่ลูกค้าในอเมริกา ครอบคลุมถึงอเมริกาใต้ ซึ่งมีปริมาณท่อส่งที่จะต้องได้รับการตรวจสอบจำนวนมหาศาลในปีหน้าอีกด้วย

ขณะที่นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DEXON ชี้แจงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ว่า บริษัทฯ จะนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้ขยายธุรกิจไปยังเนเธอร์แลนด์ เพื่อต่อยอดการทำธุรกิจในทวีปยุโรป รวมถึงจัดตั้งบริษัทย่อยในอเมริกา เพื่อขยายฐานธุรกิจในทวีปอเมริกา และอเมริกาใต้ เน้นไปที่การให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Pigging Technology) ซึ่งเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย และบริษัทฯ มีความได้เปรียบจากการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีที่มีประสิทธิผลสูง สามารถตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กในระบบท่อส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะนำเงินอีกส่วนหนึ่งไปใช้ลงทุนด้านงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การตรวจสอบระบบท่อส่งเพื่อรองรับการแปลงไปสู่การใช้งานของก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen Energy Conversion) ที่จะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในระบบท่อส่งจากเดิมเป็นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นการขนส่งก๊าซไฮโดรเจน การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage) เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว เพราะบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบเฉพาะทางขั้นสูงแก่อุตสาหกรรมชั้นนำทั่วโลกแบบครบวงจร และให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทุกภูมิภาคของโลกอย่างยั่งยืน

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะโครงสร้างรายได้หลักของ DEXON มาจากการให้บริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advance Inspection Technology) คิดเป็นสัดส่วนถึง 78% รองลงไปเป็นรายได้จากการให้บริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน (Conventional Inspection Technology) ในสัดส่วนประมาณ 18% ที่เหลือมาจากการให้บริการฝึกอบรมด้านการตรวจสอบ (Training Services) กับการให้บริการออกแบบทางด้านวิศวกรรม ประกอบ ติดตั้งและซ่อมบำรุง (Engineering design, Assembly, Installation and Maintenance Service) ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน รวมแล้วประมาณ 3.5%

สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด (ปี 2563-65) DEXON มีการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง จาก 11.05 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 18.15 ล้านบาท ในปี 2564 ทั้งที่รายได้จากการขายและบริการจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดกดดันให้รายได้ทรงตัวที่ 438.97 ล้านบาท และ 433.46 ล้านบาท ตามลำดับ ก่อนจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในปีที่ผ่านมา เมื่อบริษัทฯ สามารถเดินทางไปให้บริการในต่างประเทศได้มากขึ้น หนุนให้รายได้ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 608.51 ล้านบาท ขณะที่กำไรเติบโตก้าวกระโดดเป็น 105.15 ล้านบาท สาเหตุจากการได้งานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มในปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจากระดับ 30.5% ขึ้นมาที่ 41.8%