SINO จ่อคิวขาย IPO 240 ล้านหุ้น ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี (JC) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 292 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 28.08% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง จำนวน 52 ล้านหุ้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว ทำให้มีการแต่งตั้ง บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายโอกาสทางธุรกิจให้มีขีดความความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ด้วยการขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ การขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเป็นผู้นำบริการด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ SINO ทำธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมถึงให้บริการให้เช่าคลังสินค้า ให้บริการด้านพิธีการศุลกากร และบริการสนับสนุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในการให้บริการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก (End-to-End Global Logistics) ที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ยาวนานกว่า 25 ปี 

ด้านนายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO ชี้แจงว่า บริษัทฯ ให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ผ่านเครือข่ายและพันธมิตรที่เป็นตัวแทนมากกว่า 165 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งบริษัทเดินเรือ สายการบิน และตัวแทนจัดการขนส่ง โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ตรงเวลา และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการตลอดห่วงโซ่อุปทานสอดรับกับมาตรฐานต่างๆ อีกทั้งสามารถให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางเรือ ใน 3 เส้นทาง คือ ไทย - อเมริกาเหนือ ไทย - เอเชีย และไทย - ยุโรป ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกและนำเข้าสินค้าหลักของการค้าโลก ทั้งในรูปแบบการขนส่งแบบเต็มตู้ (Full Container Load: FCL) และแบบไม่เต็มตู้ (Less Than Container Load: LCL) ยังช่วยให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากลูกค้า จนก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย - อเมริกา ที่มีปริมาณขนส่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของไทย และเป็นอันดับ 6 ของโลก เมื่ออิงผลสำรวจของ Datamyne บริษัทวิจัยแถวหน้าของสหรัฐฯ 

ส่วนนางสาวอรชพร วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ SINO กล่าวเสริมว่า การที่บริษัทฯ มีใบอนุญาตขนส่งทางทะเล (OTI License) จากคณะกรรมการเดินเรือแห่งชาติของอเมริกา (Federal Maritime Commission : FCL) และมีการวางหลักประกัน ทำให้สามารถทำสัญญาการบริการกับสายเดินเรือในการบริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศแถบโซนอเมริกาเหนือได้ด้วยตนเอง ทำให้บริษัทฯ มีข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่ง จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ หรืออาหารแช่แข็ง ให้เป็นผู้ให้บริการขนส่งหลัก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล อย่าง PPL Network, WCA Inter Global และ X2 Logistics ที่มีสมาชิก 165 ประเทศ และเป็นสมาชิกสมาคมต่างๆ เช่น สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) และสมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย (CTAT) ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นจากลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และสามารถนำข้อมูลมาวางแผนบริหารจัดการธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง 

พิสูจน์ได้จากผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีล่าสุดซึ่งบริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการอย่างโดดเด่น จาก 627.98 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มเป็น 883.57 ล้านบาท ในปี 2653 ก่อนเพิ่มเป็น 4,683.41 ล้านบาท และ 5,906.53 ล้านบาท ในปี 2564 และ 2565 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 165.62% โดยมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลสูงกว่า 97% ส่วนที่เหลือมาจากบริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ และการให้บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์