2872 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ประเทศไทย (CGS-CIMBS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ บมจ. พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ผู้นำผลิตภัณฑ์หล่อลื่นครบวงจรรายใหญ่ของไทย และในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตออกและเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 350 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ที่ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อระดมทุนไปใช้ลงทุนพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถีงนำระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ในโรงงาน และจัดสรรเงินทุนบางส่วนไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป
โอกาสนี้ นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSP เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นมายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ สามารถให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่จัดหาวัตถุดิบ ออกแบบผลิตภัณฑ์ ผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์ รวมถึงจัดเก็บและให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปิโตรเลียม ยานยนต์ หรือโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศ และภูมิภาคอาเซียน เพื่อช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย ESG เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ด้านนายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSP กล่าวเสริมในประเด็นการทำธุรกิจที่คำนึงถึงหลักการ ESG อย่างต่อเนื่อง ว่า มีการเข้าลงทุนในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริง ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการกำจัดและรีไซเคิลสารเคมีใช้แล้วให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นรายแรกของไทย รวมถึงการเข้าไปลงทุนใน WhatEGG ซึ่งทำธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์ม E-commerce ซื้อขายอะไหล่รถยนต์ แบตเตอรี่ และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับผู้ประกอบการ ภายใต้ชื่อ EGG Mall เพื่อขยายธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-Curve) ช่วยผลักดันการเติบโตอย่างเต็มที่ และเตรียมลงทุนในระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) สำหรับการพัฒนาระบบการบรรจุสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งน้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ น้ำมันเกียร์และจาระบี น้ำมันหม้อแปลงชีวภาพสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนการพัฒนาจาระบีและน้ำมั นหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ จากปัจจุบันที่มีมากกว่า 1,000 สูตร รองรับแผนขยายตลาดอาเซียน ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายต่างประเทศ จากปัจจุบันที่ 16.5% ขึ้นมาเป็น 25% ของรายได้รวม ภายในปี 2569 เมื่ออิงจากงานวิจัยที่ระบุว่า ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นในปี 2569 จะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านลิตร
ส่วนนายปิยะ เตชะพิเชฐวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง PSP ให้ข้อมูลถึงฐานะทางการเงิน 3 ปีย้อนหลัง (2563-2565) ว่า บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง จาก 7,566.7 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 10,783.7 ล้านบาท และ 13,204.4 ล้านบาท ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 32.1% ขับเคลื่อนจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ และการมีข้อได้เปรียบเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) น้ำมันผสมยาง (Rubber Process Oil) และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer Oil) ที่มากที่สุดในประเทศ ขณะเดียวกันยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มจาก 478.7 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 697.4 ล้านบาท และ 771.6 ล้านบาท ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ
ขณะที่กำไรสุทธิ เพิ่มจาก 387.3 ล้านบาท ในปี 2563 ขึ้นมาเป็น 547.6 ล้านบาท และ 546.4 ล้านบาท ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ซึ่งการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีต้นทุนการเงินสูงขึ้น ทำให้กำไรในปี 2565 ลดลงเล็กน้อยจากปี 2564