MASTER ครึ่งปีหลังเด่น กำไรจากกิจการโรงพยาบาลทำ New High แต่แนะถือลงทุนยาว รับ upside จาก synergy จากการร่วมลงทุนที่สูง

5379 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MASTER ครึ่งปีหลังเด่น กำไรจากกิจการโรงพยาบาลทำ New High แต่แนะถือลงทุนยาว รับ upside จาก synergy จากการร่วมลงทุนที่สูง


บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) เจ้าของโรงพยาบาลศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช (Masterpiece Hospital) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีนี้ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 459.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 6.74% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยรายได้เพิ่มขึ้นในทุกหัตถการ โดยเฉพาะศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมดูดไขมัน ศัลยกรรมยุบโหนกตัด กราม ศัลยกรรมยกคิ้วและสุขภาพชาย แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีการเพิ่มจำนวนแพทย์ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น สอดรับกับจำนวนลูกค้าที่เข้ามารับบริการเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 0.77% YoY แต่เพิ่มขึ้น 13.88% QoQ มาอยู่ที่ 81.51 ล้านบาท   

สำหรับผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 153.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น 46.73% YoY มาอยู่ที่ 894.95 ล้านบาท

โอกาสนี้ นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้น ทั้งเงินสด และหุ้นปันผล ในสัดส่วน 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.10 บาท ส่วนการจ่ายปันผลเป็นเงินสด มีอัตราหุ้นละ 0.0111 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น ในอัตรา 0.1111 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 30 สิงหาคม ก่อนจ่ายเงินในวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งการจ่ายปันผลเป็นหุ้น ทำให้บริษัทฯ ต้องออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 24 ล้านหุ้น ทำให้ต้องพร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 24 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 264 ล้านบาท

 



พร้อมกันนี้ นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER ได้ออกมาคาดหมายแนวโน้มผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังด้วยว่า มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรก สาเหตุจากการเพิ่มเตียงผ่าตัดและเตียงพักฟื้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งมีการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (Term Sheet) เพื่อเข้าลงทุนใน 2 บริษัท คือ บริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล (Dr.Chen) และบริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น (KIN) โดยซื้อหุ้นในสัดส่วน 40% เท่ากัน

โดย Dr.Chen ทำธุรกิจให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องความสวยความงาม ทั้งด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร การรักษาผิวหน้า และปรับรูปหน้า คิดเป็นมูลค่า 94.22 ล้านบาท ส่วน KIN ทำธุรกิจสื่อโฆษณา รวมถึงรับจ้างทำสื่อโฆษณาทุกประเภท คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท เม็ดเงินจากการลงทุนทั้งหมดจะใช้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) เมื่อช่วงต้นปี

 


นอกจากนี้ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER ยังให้ข้อมูลในการประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยว่า บริษัทฯ อาจมีการเจรจารวมลงทุนปีนี้เพิ่มอีก 2-3 ราย ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทฯ ไม่มี 

ผลดำเนินงานในครึ่งปีแรก และการลงทุนใหม่ ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากทรีนีตี้ (TNITY) ลิเบอเรเตอร์ (LIB) และหยวนต้า (YUANTA) มองว่า บริษัทฯ มีพัฒนาการที่น่าสนใจ ทั้งโอกาสเติบโตของรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในครึ่งปีหลัง และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมลงทุนใน 4 บริษัท คือ Dr.Chen, KIN, คลินิกเสริมความงาม Wind Clinic และรัตตินันท์ (Rattinan) ช่วงก่อนหน้านี้ ก่อนจะต่อยอดได้เพิ่มจาก synergy ที่เกิดจากการส่งผ่าน-ส่งต่อ การทำ cross selling และการแชร์ต้นทุนร่วมกัน

นักวิเคราะห์จากทั้ง 3 ค่าย ชี้ว่า MASTER จะมีการเติบโตของรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดได้ในไตรมาส 3 ก่อนสร้างสถิติเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยการประกอบกิจการโรงพยาบาลได้ประโยชน์จากการเพิ่มเตียงผ่าตัดและเตียงพักฟื้นรองรับการขยายตัวของลูกค้าได้มากขึ้น รับไฮซีซั่นในไตรมาส 4 รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากห้องผ่าตัดได้คุ้มค่าขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการให้ Rattanin เช่าห้องผ่าตัดสำหรับหัตถการเย็บกระเพาะ พร้อมกับเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน KIN และ WIND Clinic โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 445-450 ล้านบาท ก่อนทะยานทำสถิติใหม่ปีหน้าที่ 570-590 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมที่ 82 – 86 บาท  

ส่วนในระยะต่อไป จะเริ่มเห็นผลประโยชน์จากการลงทุนได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพราะ Wind clinic คาดว่าจะได้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงพยาบาลภายในไตรมาสแรกปีหน้า และมีแผนเพิ่มห้องผ่าตัดอีก 4 ห้อง เพื่อให้บริการศัลยกรรมใหญ่ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อรองรับความต้องการของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรายได้ต่อ 1 หัตถการสูงกว่าในกรุงเทพฯ โดย MASTER จะส่งหมอที่เชี่ยวชาญไปให้บริการ

 



เช่นเดียวกับ Dr.Chen และ Rattinan ที่อยู่ในระหว่างการขอยกระดับจากคลีนิกเป็นโรงพยาบาล คาดว่าจะสามารถเปิดโรงพยาบาลใหม่ในกรุงเทพฯ ได้ภายในปีหน้า แต่กว่าจะรับรู้ผลดำเนินงานคงต้องรอให้ทั้ง 2 บริษัทฯ เริ่มมีกำไรแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568

ดังนั้น การลงทุน MASTER ในระยะยาว เพื่อรอรับรู้กำไร และ synergy ที่จะเกิดจากการร่วมลงทุนใน 4 บริษัท น่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า จึงแนะนำ ทยอยซื้อสะสม เมื่อราคาหุ้นแกว่งในกรอบ 60 - 65 บาท

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้