4642 จำนวนผู้เข้าชม |
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล (CRC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ ค้าส่งอาหาร แบรนด์ โก โฮลเซลล์ (GO Wholesale) โดย G มาจาก Growth (การเติบโต) และ O หมายถึง Opportunities (โอกาส) สอดคล้องไปกับแนวคิด "โตเร็ว โตไกล โตไปกับ GO" (Grow with GO) เพื่อให้เป็น New Growth Engine สำหรับกลุ่มบริษัทฯ ช่วยเติมเต็มให้เป็น Total Solution ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มอย่างครบวงจร โดยมีแผนเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 4 สาขา ประเดิมสาขาแรกย่านศรีนครินทร์ ใกล้กับสาขาของไทวัสดุ กำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 27 ตุลาคมนี้ ก่อนทยอยเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ที่เชียงใหม่ เดือนพฤศจิกายนนี้ และอีก 2 สาขาที่พัทยา และนิคมอมตะ ในเดือนธันวาคม ก่อนขยายเพิ่มอีก 7 - 8 สาขา ในปีหน้า
ด้านนางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ เปิดเผยว่า GO Wholesale คือศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิก ในราคาขายส่งเพื่อผู้ประกอบการ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือ กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า (โรงแรม, ร้านอาหาร, ธุรกิจจัดเลี้ยง) กลุ่มผู้ชื่นชอบการทำอาหาร กลุ่มผู้ให้บริการอาหารในโรงงาน โรงพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือโชห่วย ที่มีจุดเด่นในการนำเสนอสูตรแห่งความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการด้านต่างๆ ได้อย่างตรงใจ และช่วยต่อยอดธุรกิจรายย่อยให้มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตไปพร้อมกัน
ในเบื้องต้น กลุ่มบริษัทฯ กำหนดแผนขยายสาขา GO Wholesale โดยใช้ Synergy กับธุรกิจในเครือที่มีทำเลศักยภาพมาพัฒนาเป็นสาขา เช่น บีเอ็นบี โฮม (BNB Home) ไทวัสดุ รวมถึงทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใน 5 ปีข้างหน้ารวมทั้งสิ้น 40 - 50 สาขา ภายใต้งบลงทุน 20,000 ล้านบาท และยังมีแผนจะขยายธุรกิจนี้ ไปในเวียดนามด้วย พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 6-7 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีเช่นกัน
ส่วนนายริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย เสริมว่า ศูนย์ค้าส่ง GO Wholesale สาขาแรกจะมีพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร มีการนำเสนอสินค้ากว่า 20,000 รายการ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 40% เน้นสินค้ากลุ่ม Fresh food ที่มีความแปลกใหม่ รวมถึงอาหารทะเลเป็นๆ เนื้อคุณภาพพรีเมียม และการให้บริการตัดแต่งสินค้าตามความต้องการของลูกค้า พร้อมบริการชำระเงินด้วยช่องทางที่หลากหลาย และสิทธิประโยชน์สมาชิกที่หลากหลาย รวมถึงลอยัลตี้แพลตฟอร์ม The 1 โดยประเมินว่าแต่ละสาขาจะถึงจุดคุ้มทุนประมาณ 2 ปี
สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ เสียงส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ CRC ก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าส่ง ซึ่งถือเป็น format ที่ใหญ่ที่สุดที่ CRC เคยประกาศมา เพราะเชื่อว่าธุรกิจนี้มีศักยภาพที่จะหนุนการเติบโตในระยะยาว จากมูลค่าตลาดค้าส่งในประเทศไทยที่สูงถึง 2.6 ล้านล้านบาท ทำให้เป้ายอดขายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ปีละ 6-7 หมื่นล้านบาท มีความเป็นไปได้สูง
สำหรับภาพระยะสั้น GO Wholesales น่าจะมีผลขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก แต่คาดว่าจะกระทบกำไรสุทธิของ CRC เพียงปีละ 2% ซึ่งไม่มีนัยยะ แต่ต้องติดตามกระแสตอบรับจากการเปิดสาขาในปีแรก เพราะจะมีผลต่อแผนการเปิดสาขาในปีถัดๆ ไป ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงเป้าหมายยอดขายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ และศักยภาพการทำกำไร
ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (CGS-CIMBS) ประเมินว่า GO Wholesales น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ถึงจะเห็นผลดำเนินงานครอบคลุมค่าใช้จ่ายของสำนักงานใหญ่ และต้นทุนคงที่ทั้งหมด เพราะคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8-9% แต่อัตราส่วนค่าใช่จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายและบริหารต่อรายได้อาจสูงถึง 7-8%
บัวหลวง (BLS) เสริมว่า ผลขาดทุนที่จะเกิดจากการเปิดสาขา ไม่น่าเกินปีละ 200 ล้านบาท ในทางกลับกัน หากการเปิดสาขาเป็นไปตามที่ตั้งเป้า 40-50 สาขา ใน 5 ปีข้างหน้า น่าจะเห็นกำไรสุทธิส่วนเพิ่มจากธุรกิจนี้อย่างน้อย 5-10% ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป และจะมีผลให้การแข่งขันในตลาดทวีความดุเดือดมากขึ้น
ดังนั้น ภาพการลงทุนในครึ่งหลังปีนี้ เสียงส่วนใหญ่ยังมองว่าจะเห็น CRC มีการเติบโตของกำไรฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้าย จึงยังแนะนำ "ซื้อ" โดยทิสโก้ (TSC) อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) รวมถึง CGS-CIMBS และ BLSที่ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปีนี้ ที่ 48 – 50 บาท