4395 จำนวนผู้เข้าชม |
การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) สร้างรอยยิ้มให้กับนักลงทุน ทั้งนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง และนักเก็งกำไรรายวัน เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองทั้งวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 1.60 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 1.40 บาท 20 สตางค์ เหนือจอง 14.28% มีแรงซื้อหนุนราคาไต่ขึ้นไปเป็นลำดับ กระทั่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 1.97 บาท จากนั้นเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมากดราคาให้ย่อตัวลงมาบ้าง แต่ก็ยืนเหนือ 1.90 บาท ได้เป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะปิดที่ 1.93 บาท สูงกว่าราคาจอง 53 สตางค์ คิดเป็นผลตอบแทน 37.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,940 ล้านบาท
ความสำเร็จในการซื้อขายวันแรก ได้รับการอธิบายจากนางสาว จิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี (J Capital) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินว่า เกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในฐานะผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการเป็นหมายเลข 1 ในการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ของไทย และอันดับ 6 ของโลก ทั้งเส้นทางไทย-อเมริกาเหนือ เส้นทางไทย-เอเชีย และเส้นทางไทย-ยุโรป ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกและนำเข้าของการค้าโลก ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งจากการที่ค่าระวางฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และการเข้าสู่ฤดูกาลส่งออก หนุนให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นจากครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกใหม่ จากการที่ บมจ. เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SJWD) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ ที่สุดในอาเซียน ได้เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ใน SINO เพื่อร่วมเป็น Strategic Partner ช่วยกันขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ไปด้วยกัน โดยอาศัยจุดแข็งเรื่องการขนส่งทางทะเล และการมีความหลากหลายของตู้คอนเทนเนอร์ในการขนส่ง โดยเฉพาะตู้บรรจุของเหลว (ISO Tank Container) และตู้ควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) ของ SINO กับจุดแข็งเรื่องการมีคลังสินค้า ความเชี่ยวชาญในการขนส่งทางบกและทางอากาศ ของ SJWD เข้ามาสร้าง Synergy ให้กับลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทฯ ร่วมกัน
ด้านนายนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) แกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เสริมว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ ทำให้ SINO มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยสนับสนุนแผนการรุกขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิ ภาคอาเซียน และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งการได้พันธมิตรอย่าง SJWD เข้ามาผนึกกำลังในการทำธุรกิจร่วมกัน ทำให้นักลงทุนมองเห็นศักยภาพของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ที่สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ทำให้น่าจะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่สร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว
ขณะที่นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO ขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นกับบริษัทฯ ทำให้คณะผู้บริหารพร้อมเดินหน้าแผนสร้างการเติบโตเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ด้วยการเร่งเดินหน้าเข้าลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจ Freight Forwarding ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวในการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ให้ครอบคลุมทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าลงทุนในบริษัทที่ ประกอบธุรกิจจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) และขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการขนส่งสินค้าทางบก ทั้งภายในประเทศ และข้ามแดนระหว่างประเทศ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับปีนี้ แม้ธุรกิจขนส่งทางเรือจะมีการเติบโตของรายได้และกำไรลดลงจากปีก่อน แต่บริษัทฯ มั่นใจว่า จะสามารถฟื้นผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังให้เติบโตจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญ โดยตั้งเป้าการให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ทั้งปี เพิ่มจาก 3.5 หมื่นตู้ ในปีก่อน เป็น 4.2 หมื่นตู้ และ 5.5 หมื่นตู้ ในปีหน้า
การเข้ามาถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 5 ของ SJWD กลายเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้น SINO ในการซื้อขายอีก 2 วันทำการพุ่งตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2.14 บาท ซึ่งใกล้เคียงราคาเป้าหมายปีนี้ที่นักวิเคราะห์จาก 8 ค่าย ให้ไว้ในกรอบ 2.10-2.20 บาท