ACPG พร้อมเดินหน้าขายหุ้น IPO ระดมทุนซื้อ NPL และ NPA ที่คาดจะเพิ่มต่อในปีหน้า  

4341 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ACPG พร้อมเดินหน้าขายหุ้น IPO ระดมทุนซื้อ NPL และ NPA ที่คาดจะเพิ่มต่อในปีหน้า  


นายไมเคิล บีแคว๊ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อัลฟา แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป (ACPG) บริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจร ผ่าน 2 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ อัลฟา แคปปิตอล (ALPHA) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ไวร์เลส (WAMC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,041.23 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 45% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2 บาท เพื่อระดมทุนมาใช้ลงทุนขยายพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) รวมถึงชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อขยายพอร์ตสินทรัพย์ รับโอกาสทางธุรกิจที่คาดว่าจะเปิดกว้างมากขึ้นในปีหน้า หลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ ทำให้คาดหมายกันว่า จะเห็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเพิ่มขึ้น ช่วยพัฒนาการเติบโตของรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทฯ และยกระดับธุรกิจของบริษัทย่อยขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร  

สำหรับจุดเด่นของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ที่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมผู้บริหาร ที่ผ่านการร่วมงานกับการร่วมลงทุน (Joint Venture) ระหว่าง General Electric Capital กับ Goldman Sachs ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบ ช่วยให้สามารถจัดหา บริหารจัดการ และสร้างกระแสเงินสดจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และทรัพย์สินรอการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมและสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจ 

 



โดยกลยุทธ์การบริหาร NPL จะให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่เหมาะที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนกลยุทธ์ในการบริหาร NPA จะมุ่งเน้นคุณภาพของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน และพิจารณาความต้องการของตลาด โดยจะคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันและพิจารณาความต้องการของตลาด ส่งผลให้สัดส่วนเงินที่จัดเก็บได้ต่อมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และทรัพย์สินรอการขายสุทธิ อยู่ที่ 33.2% หนุนให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2563-65) มีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง จาก 381.3 ล้านบาท เพิ่มเป็น 475.0 ล้านบาท และ 728.0 ล้านบาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิกลับมีความผันผวนในปี 2564 สาเหตุหลักจากการที่บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 229.3 ล้านบาท มาจากลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จำนวน 1 ราย ซึ่งบริษัทฯ ได้นำลูกหนี้ดังกล่าวกลับมาพิจารณาเปลี่ยนแผนดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้กำไรลดลงจากปี 2563 ที่ทำได้ 137.8 ล้านบาท ลงมาเหลือ 1.0 ล้านบาท ก่อนดีดตัวเป็น 223.4 ล้านบาท ในปีก่อน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนช่วงครึ่งแรกปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ 311.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 138.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.9% และ 26.9% ตามลำดับ ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 6,350.6 ล้านบาท มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 3,383.6 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายสุทธิ 1,982.3 ล้านบาท

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้