หั่นราคาเป้าหมาย CPAXT ลงเหลือ 35 บาท แม้แนวโน้มไตรมาส 4 จะ bottom out แล้ว

4677 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หั่นราคาเป้าหมาย CPAXT ลงเหลือ 35 บาท แม้แนวโน้มไตรมาส 4 จะ bottom out แล้ว


หลังจากนายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 119,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของยอดขายในช่องทางต่างๆ และรายได้จากค่าเช่า รวมถึงการให้บริการศูนย์การค้า ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 1,677 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิที่ไม่รวมผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ในธุรกิจร้านค้าส่ง (Wholesale Business) ในจีน มีจำนวน 1,716 ล้านบาท เติบโต 7% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ส่งผลให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 361,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกัน และมีกำไรสุทธิที่ไม่รวมการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการคืนเงินกู้ ระยะยาวก่อนกำหนด และผลขาดทุนจากขายสินทรัพย์ในจีน จำนวน 5,496 ล้านบาท เติบโต 5% 

สำหรับแผนงานโค้งสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้ดีขึ้นจากไตรมาส 3 จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยคาดการณ์ยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) จะขยายตัวต่อเนื่อง จากการปรับโฉมสาขาใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มในการใช้สินทรัพย์เดิมให้เกิ ดประโยชน์สูงสุด เพิ่มอัตราการเข้าใช้ บริการให้สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ (Traffic) รวมถึงขยายสาขาเพิ่ม แบ่งเป็นธุรกิจค้าส่งแบรนด์แม็คโคร (Makro) 6 สาขา และธุรกิจค้าปลีก แบรนด์โลตัส (Lotus’s) 3 สาขา

ขณะเดียวกัน เพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไร ช่วง 2-3 ปีนี้อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เตรียมทยอยปรับโฉมพื้นที่ศูนย์การค้าในสาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการเป็น Community Center ให้เหมาะกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ และจับจ่ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริหารศูนย์การค้ามีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเพิ่มยอดขายช่องทาง Omni Channel ผ่านเครือข่ายสาขากว่า 2,700 แห่ง ในการเป็นศูนย์จัดส่งสินค้าขนาดเล็ก (Micro Fulfilment) ผนวกทัพเถ้าแก่ขาย (Salesforce Team) เพื่อสร้างยอดขายในทุกมิติ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขาย Omni Channel ขึ้นเป็น 15% ของยอดขายรวมทั้งหมดในปีหน้า ผ่านกลยุทธ์การนำเสนอสินค้ าและโปรโมชันแบบเฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization) 

 



อย่างไรก็ตาม ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ถือว่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่คาดถึง 6.7% สาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย (SG&A / Sales) และดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าคาด ส่งผลให้มีการปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าตามมา ถึงแม้ภาพธุรกิจในไตรมาส 3 ปีนี้จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายเป็นต้นไป โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะเห็นโตการเติบโตของกำไรอย่างโดดเด่นในปีหน้า ที่ระดับ 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท

โดยกรุงศรี พัฒนสิน (KCS) และอินโนเวสท์เอกซ์ (InnovestX) ชี้ว่า อัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด จาก SSSG ในธุรกิจค้าส่ง (Makro) ที่เติบโตในระดับต่ำ YoY และธุรกิจค้าปลีก (Lotus’s) ที่เติบโตเป็นเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY สะท้อนความสามารถทำกำไรที่ลดลง จึงปรับกำไรปีนี้และปีหน้า รวมถึงราคาเป้าหมายลงจากเดิมที่ 38 บาท เหลือ 34-35 บาท ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของตลาด แต่ยังแนะนำทยอยซื้อลงทุน เพราะราคาหุ้น ที่ระดับ 27-28 บาท ซื้อขายใกล้ Book Value แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมย์แบงก์ (MST) กลับแนะ "เปลี่ยนตัวเล่น" เพราะราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าแพง โดยซื้อขายที่ P/E ปีนี้ที่ 37 เท่า และ P/E ปีหน้าที่ 31 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่งในไทยที่ 25 เท่า และ 21 เท่า อีกทั้งคาดว่า SSSG จะยังชะลอตัว ขณะที่การแข่งขันในธุรกิจค้าส่งเพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหม่ โดยเสนอทางเลือกเป็น CPALL (ราคาเป้าหมาย 79 บาท) จากการเป็นเจ้าตลาดธุรกิจค้าปลีกที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่ถูกกว่า

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้