4382 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวมธุรส สาราณียะธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ (NAT) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 92 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 28.05% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ ออกและชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) หมวดธุรกิจเทคโนโลยี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวเสริมว่า NAT ทำธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา จำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรืองานด้าน SI ครอบคลุมถึงการให้บริการจ้างเหมาบำรุงรักษาระบบ (MA) หลังหมดการรับประกันหลัก และการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น การให้บริการเจ้าหน้าที่ไอที (IT Outsourcing) การให้บริการเดินสายระบบเน็ตเวิร์ค (Cabling System) ที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐในวงกว้าง โดยเฉพาะ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) มีความไว้วางใจใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน ทั้งเพื่อขยายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และเพิ่มโอกาสรับงานโครงการต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสูงขึ้น อีกทั้งลดความเสี่ยงจากการที่รายได้กระจุกตัวในกลุ่มลูกค้าภาครัฐสูงกว่า 66% ให้กระจายตัวออกมาในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ส่วนนายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAT ชี้แจงว่า ความสำเร็จของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการที่บริษัทฯ นำเอาเทคโนโลยีชั้นนำจากพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกมาใช้พัฒนาโซลูชั่น และให้บริการที่สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสนับสนุนให้ลูกค้ามีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดรับกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล และมีความปลอดภัย ช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของธุรกิจตามมาด้วย
สำหรับผลดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นปี 2564 เพียงปีเดียวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด กดดันให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การส่งมอบสินค้า และการติดตั้งงานระบบต่างๆ ตลอดจนการเข้าพบลูกค้ามีความไม่สะดวก ต้องใช้เวลายาวนานขึ้น ฉุดให้ผลดำเนินงานอ่อนแอชั่วคราว แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผลดำเนินงานก็กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด (ปี 2563-65) บริษัทฯ มีรายได้รวม 492.64 ล้านบาท 451.36 ล้านบาท และ 1,093.23 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ทำกำไรสุทธิได้ 56.78 ล้านบาท 26.68 ล้านบาท และ 100.62 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 788.25 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 37.18% ส่วนกำไรสุทธิ 65.48 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 31.09%