W เดินหน้าปลดเครื่องหมาย C จริงจัง เหลือแค่การเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นเดิม 15-21 ธ.ค. นี้

3967 จำนวนผู้เข้าชม  | 

W เดินหน้าปลดเครื่องหมาย C จริงจัง เหลือแค่การเพิ่มทุนผู้ถือหุ้นเดิม 15-21 ธ.ค. นี้


นายภูริชญ์ วงศ์ขำ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ บมจ. วาว แฟคเตอร์ (W) เปิดเผยว่า เพื่อแก้ไขปัญหาส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการถูกขึ้นเครื่องหมาย C ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นควรปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้วยแผนบันได 4 ขั้น คือ ตัดขายธุรกิจบางประเภทที่บริษัทฯ ไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอออกไป พร้อมกับเพิ่มทุน ทั้งการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และการเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อนำเงินที่ได้ราว 115-197 ล้านบาท ไปชำระหนี้ อีก 50-100 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสร้างการเติบโตทางธุรกิจช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ด้วยการขยายสาขา หรือปรับปรุงร้านชาบู Kagonoya และร้านอาหารสไตล์อิซากะยะ (Izakaya) รวมถึงมองหาแบรนด์อื่นๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

โดยบันไดขั้นแรก บริษัทฯ ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายบริษัทย่อยและธุรกิจในเครือออกไป ประกอบด้วย บริษัท โดมิโน่ เอเซีย แปซิฟิค (DMN) ซึ่งทำธุรกิจขายพิซซ่า แบรนด์ "โดมิโน พิซซ่า" จำนวน 91.18% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทดีเค วาว เวนเจอร์ (DKW) ซึ่งทำร้านอาหาร Jardin De Boeuf และร้านอาหาร Kinki ในสัดส่วน 69.99% และธุรกิจขนมหวานประเภทมาการอง ภายใต้ แบรนด์ La Lune รวมถึงเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้อง ภายใต้บริษัท เบค ชีส ทาร์ต ไทยแลนด์ (BCT) คิดเป็นมูลค่ารวม 275 ล้านบาท ให้กับนายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ซึ่งการขายสินทรัพย์ครั้งนี้ เกิดจากบริษัทฯ ต้องการขายธุรกิจที่มีผลขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง และต้องใช้เงินทุนสูงออกไป แล้วคงธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญไว้แทน โดยเฉพาะร้านชาบู ซึ่งยังเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ และมีโอกาสแข่งขันในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

สำหรับบันไดขั้นที่สอง ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 15 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.74 บาท ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน โดยบริษัทฯ ได้รับเงินสดเรียบร้อยแล้ว รวม 26.1 ล้านบาท จึงเหลือเพียงการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 394.04 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นบันไดขั้นที่สาม ด้วยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น ในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 1 บาท จำนวน 197.02 ล้านหุ้น (หรือคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่ง) ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 6 (W-6) อายุ 3 ปี ซึ่งจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่ราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นวันที่ 29 พฤศจิกายน และเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15, 18-21 ธันวาคม ศกนี้

ซึ่งทางผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆ ของบริษัทฯ ได้ยืนยันใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวน รวมถึงพร้อมซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิด้วย เพื่อให้ความเชื่อมั่นกับผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากมองว่าการเพิ่มทุนมีส่วนสำคัญในการเสริมฐานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง พลิกฟื้นผลดำเนินงานให้กลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และสามารถขยายโอกาสเติบโตในธุรกิจอาหารและเครี่องดื่มอย่างมั่นคงในระยะกลางถึงยาว

ขณะที่บันไดขั้นสุดท้าย ด้วยการขยายฐานรายได้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาร้านชาบู Kagonoya เพิ่ม 2 สาขาใหม่ ที่เซ็นทรัล เวสต์เกท กับ เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน ในเดือนสิงหาคม และตุลาคมที่ผ่านมา และเตรียมเปิดอีก 1 สาขา ที่สยาม ดิสคัฟเวอรี่ ในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนการปรับปรุงสาขา ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและกลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้วในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่สาขา เมกะ บางนา สำหรับการขยายช่องทางธุรกิจใหม่ ร้านอาหารสไตล์ Izakaya กำลังพิจารณาทำเลที่เหมาะสม หลังจากได้เริ่มต้นทดลองเปิดให้บริการภายในร้าน Kagonoya สาขาราชครู และได้รับการตอบรับที่ดี

นอกเหนือจากร้านชาบู Kagonoya และร้านอาหารสไตล์ Izakaya แล้ว ปัจจุบัน W มีธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านขนมนำเข้าจากญี่ปุ่น 3 แบรนด์ คือ Bake, Zaku Zaku และ Rapl ที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย BCT กับร้านสเต๊กสไตล์ฝรั่งเศส Le Boeuf ผ่านบริษัท เครปส์ แอนด์ โค ดีเวล๊อปเม้นท์ (CND)

 

 



ซึ่งล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการทำธุรกิจส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีน ร่วมกับ บริษัท ยูนิโคโค่ (UNICOCO) ซึ่งเป็นผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่ไปจีน และยังเป็นพันธมิตรกับกองทุนรัฐวิสาหกิจของจีน สร้างรายได้จากการส่งออกปีหนึ่งๆ มากกว่า 500 ล้านบาท ช่วยต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันให้รายได้จากธุรกิจเดิม รวมกับธุรกิจส่งออกทุเรียน เติบโตก้าวกระโดด ทะลุ 1,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร (Turnaround) ได้ในที่สุด 

ซึ่งนางสาวสุภาวรรณ แซ่ลี้  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ UNICOCO เสริมว่า ความร่วมมือทางธุรกิจกับ W ในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯ มีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง สามารถรับซื้อทุเรียนได้มากขึ้น ลดข้อจำกัดด้านแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับหนุนให้สามารถส่งออกทุเรียนไปจีนเพิ่มจาก 500-600 ล้านบาท ที่ทำได้ในปีนี้ ขึ้นมาเป็นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท 

นอกจากนั้น ยังจะสนับสนุนให้แผนขยายฐานรายได้จากการเปิดร้าน Durio Factory เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบทุเรียน เกิดผลที่เป็นรูปธรรม หลังจากได้มีการนำร่องเปิดสาขาแรก ย่านรัชดาภิเษก ติดโรงแรม ดิ เอมเมอรัล ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายสาขาไปที่จีน รวมถึงขายแฟรนไชส์ Durio Factory ทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มเติมในระยะต่อไป

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้