นโยบายปฏิรูปโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ กระทบ PTT+PTTCG เต็มๆ

5375 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นโยบายปฏิรูปโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ กระทบ PTT+PTTCG เต็มๆ


หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เป็นราคา Single Pool Gas ซึ่งเป็นราคารวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิต LPG สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง ให้ใช้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ทันที

การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติดังกล่าว จะมีผลให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติมีต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับโรงไฟฟ้า และผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติรายอื่นๆ ในระบบ จากเดิมที่ก๊าซธรรมชาติที่เข้าโรงแยกจะอิงราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งมีราคาต่ำกว่าราคาก๊าซธรรมชาติที่มาจากพม่า และก๊าซ LNG และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ กับผู้ประกอบการปิโตรเคมี ที่นำเอาก๊าซที่ออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นวัตถุดิบ โดยเฉพาะ PTT และ PTTGC ส่งผลให้ตลาดปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงมา

โดย PTT ได้สรุปผลกระทบจากนโยบายรัฐว่า ส่งผล 2 ทาง คือ การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซธรรมชาติเปลี่ยนเป็น Pool Gas ซึ่งจะสูงขึ้นจากเดิม เบื้องต้น บริษัทฯ ประเมินผลกระทบที่เกิดในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (เดือนมกราคม ถึงเดือนเมษายน) จะกดดันให้ผลดำเนินงานลดลง 6.5 พันล้านบาท

ขณะที่การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซธรรมชาติได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขาย หรือเงิน Shortfall ราว 4.3 พันล้านบาท บริษัทฯ พร้อมพิจารณาแนวทางดำเนินการ หรือการใช้สิทธิตามกฎหมายในกรณีนี้ที่จำเป็นและสมควรต่อไป

 



แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) มองว่าประเด็นนี้เป็นลบอย่างมากต่อ PTT โดยผลกระทบทั้ง 2 ด้านสำหรับปีนี้ อยู่ที่ราว 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรทั้งปี โดยหากยังมีแนวทาง Pool Gas ต่อเนื่องก็จะกระทบกำไรในปีถัดไปด้วย ที่สำคัญ คาดว่าจะทำให้ PTT ไม่สามารถรักษาระดับเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 2 บาทไว้ได้ หากตั้งสมมติฐานว่า PTT ลดการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นละ 1.70-1.80 บาท จะกดดันให้ราคาหุ้นปรับลงได้ถึง 30-31 บาท จึงจะทำให้อัตราเงินปันผลกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ดังนั้น ในระยะสั้น แนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้น PTT ไปก่อน จนกว่าราคาหุ้นจะลดลงมาในระดับราคาดังกล่าว ถึงค่อย "ซื้อ" อีกครั้ง

กสิกรไทย (KS) บอกว่า นโยบายเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรของ PTT อย่างน้อย 1.08 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 12% ของประมาณการกำไรปี 2567 แต่ผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.95 หมื่นล้านบาท สำหรับนโยบาย Single Pool Gas คิดเป็น 22% ของประมาณการกำไรทั้งปี นอกจากนี้ ยังจะมีผลกระทบที่ตามมาต่อต้นทุน PTTGC ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น ภายใต้สูตรกำหนดราคาที่มีการแบ่งผลกำไร (netback pricing) พร้อมแนะนำ แค่ถือ คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 34.70 บาท

ส่วนเอเซีย พลัส (ASPS) ชี้ว่า หากตั้งสมมติฐานต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้นราว 1-2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู จะกระทบกำไรของ PTT ปีนี้ราว 1.5-2.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากคิดรวมผลกระทบจากเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท คืนให้กับภาครัฐด้วย ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของ PTT ลดลงจาก 41 บาท มาที่ 36 บาท

 

 

สำหรับ PTTGC ซึ่งจะรับก๊าซอีเทนจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไปใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงาน จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาที่เพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนก๊าซธรรมชาติเดิม จะอิงราคาจากอ่าวไทย ที่ 6-7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู แต่ตามโครงสร้างใหม่ต้องปรับไปใช้ราคา Single Pool Price ของทุกแหล่ง เฉลี่ยราว 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู  ASPS คาดว่า จะกระทบกำไรปีนี้ราว 5.0-7.0 พันล้านบาท กดดันให้มูลค่าพื้นฐานลดลงมาที่ 36 บาท จากเดิมที่ให้ไว้ 48 บาท

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้