ADVICE หุ้นตัวแรกปีมังกร ไม่สร้างความผิดหวัง เหนือจองทั้งวัน ให้ผลตอบแทนต่ำสุด 40%

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท (ADVICE) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง และนักเก็งกำไร เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดทั้งวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 5.65 บาท เหนือราคาจองที่ 3.24 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 74.38% มีแรงซื้อดันราคาไต่ขึ้นไปเป็นลำดับ กระทั่งแตะจุดสูงสุดในรอบวันที่ 6.20 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 91.35% หลังจากนั้น เริ่มมีแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมา กดราคาหุ้นให้ย่อตัวลงเป็นลำดับกระทั่งปิดภาคเช้าที่ 4.88 บาท ก่อนจะไหลมาทำจุดต่ำสุดในรอบวันที่ 4.54 บาท ในการซื้อขายภาคบ่าย ตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในรอบวันที่ผันผวนสูง

แต่หลังจากนั้น เริ่มมีแรงซื้อดันราคาดีดกลับขึ้นมายืนเหนือ 5 บาทอีกครั้ง กระทั่งปิดตลาดที่ 5.25 บาท ให้ผลตอบแทน 62.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 2,683.70 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขาย 2 วันทำการกลับมา ราคาหุ้น ADVICE ปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมูลค่าการซื้อขายบางเบาลงเหลือแค่ 600 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ ที่ 4.32 บาท แต่ยังสูงกว่าราคาจอง 33.33%  

ความสำเร็จในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก ทำให้นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVICE ให้คำมั่นว่า พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ในฐานะศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านไอทีแบบครบวงจรเบอร์หนึ่งของประเทศ และส่งมอบการเข้าถึงสินค้าไอทีให้คนไทยใช้งานได้อย่างทั่วถึงและคุ้มค่ามากขึ้น  

สำหรับแผนสร้างการเติบโตทางธุรกิจ บริษัทฯ พร้อมอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจำหน่ายสินค้าไอทียาวนานกว่า 25 ปี รวมถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคู่ค้า มาช่วยสนับสนุนกลยุทธ์เพิ่มรายได้ ทั้งแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 390 สาขา ภายในปี 2569 จาก 338 สาขาในปีที่ผ่านมา แผนขยายฐานลูกค้าองค์กรเพื่อเพิ่มอัตราผลกำไร โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 2,000 ล้านบาท ในปี 2569 และแผนขยายประเภทสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟน ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple ผ่านร้าน iStudio by Advice ซึ่งน่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็น Authorized Reseller อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสแรกนี้ พร้อมสร้างรายได้ทันทีในไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม การที่ความต้องการสินค้าไอทีในปีที่ผ่านมายังชะลอตัวจากช่วงโควิด แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตั้งแต่ปีนี้ ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 หนุนจากการเติบโตของสินค้าสมาร์ทโฟน ประกอบกับน่าจะถึงรอบการเปลี่ยนหรือทดแทนสินค้าหลายรายการ และการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้ประเมินแนวโน้มการเติบโตของรายได้ปี 2567 นี้ จะเติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำว่า 10%

และเพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันการเติบโตในระยะกลางถึงยาวให้โดดเด่น วางรากฐานสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ผ่านการซื้อกิจการ หรือร่วมลงทุนกับพันธมิตร อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดเพียงแค่ธุรกิจไอที