6086 จำนวนผู้เข้าชม |
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม บมจ. บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น (BOON) เปิดเผยว่า ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ประกอบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 320 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ที่ราคาพาร์ หุ้นละ 1 บาท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดธุรกิจพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านนายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BOON ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจว่า กลุ่มบริษัทฯ ทำธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ของบริษัทฯ เอง ภายใต้ชื่อ "บุญถาวร" รวม 15 สาขา แบ่งเป็นสาขาในรูปแบบ Stand-alone จำนวน 11 สาขา และรูปแบบ Community Living Mall ภายใต้โครงการ Design Village จำนวน 4 สาขา และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับบริษัท เอสซีจี รีเทล โฮลดิ้ง ในเครือ บมจ. เอสซีจี หรือปูนซิเมนต์ไทย ภายใต้ชื่อ "SCG Home" และ "SCG Home บุญถาวร" จำนวน 35 สาขา กระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ 33 สาขา และต่างประเทศ 2 สาขา ที่เวียดนาม และกัมพูชา
สำหรับโครงสร้างธุรกิจ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจจัดหาสินค้า กลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มธุรกิจสนับสนุน โดยกลุ่มธุรกิจจัดหาสินค้า จะทำหน้าที่ในการคัดสรรสินค้าคุณภาพ และแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ จากทั้งในและต่างประเทศ เน้นไปที่กระเบื้องและวัสดุปิดผิว เครื่องสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำที่เกี่ยวข้อง และเครื่องครัว ซึ่งมีโรงงานผลิตชุดครัวสั่งทำ และตู้ชุดครัวสำเร็จรูปของตัวเอง ด้วยกำลังการผลิตชุดครัวสั่งทำเดือนละ 425 ยูนิต และตู้ชุดครัวสำเร็จรูปเดือนละ 7,000 ตู้
และต่อมา มีการเพิ่มประเภทสินค้ากลุ่มโคมไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง กับสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ทำให้ปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายรวม 5 ประเภท มากกว่า 90,000 รายการ (SKUs) มีทั้งสินค้าที่กลุ่มบริษัทฯ ผลิตเอง หรือว่าจ้างผู้ผลิตภายนอกผลิตสำหรับวางจำหน่ายในแบรนด์ตัวเอง (Private Brand) และวางจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์อื่นๆ (Market Brand) เพื่อให้ตอบไลฟ์สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัยอันหลากหลายของผู้บริโภคได้ทั้งลูกค้ารายย่อย (B2C) และลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B)
สำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก นอกเหนือจากดูแลด้านการจัดหาและนำเข้าสินค้ากลุ่มโคมไฟและอุปกรณ์ส่องสว่าง และสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่แบรนด์ บุญถาวร SCG Home และ SCG Home บุญถาวรแล้ว ยังมีการพัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ และมาร์เก็ตเพลส อย่าง Shopee, Lazada, NocNoc ฯลฯ ด้วยฐานสมาชิก "บุญถาวร แฟมิลี่” มากกว่า 1 ล้านราย
ส่วนกลุ่มธุรกิจสนับสนุน จะให้บริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร ไล่ตั้งแต่การจัดส่งสินค้า โดยอาศัยศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมด 7 อาคาร ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อรับและกระจายสินค้าสู่ร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัทฯ ทั่วประเทศ ไปจนถึงการออกแบบสามมิติ การให้บริการติดตั้ง ซ่อมแซม เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบครบวงจร (One-stop Service) ให้แก่ลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ ตลอดจนดูแลรับผิดชอบด้านให้บริการพื้นที่เช่าในแต่ละสาขาด้วย
ขณะที่ผลดำเนินงานช่วง 3 ปีล่าสุด (ปี 2563-65) บริษัทฯ มีการเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง จาก 72.39 ล้านบาท เพิ่มเป็น 204.41 ล้านบาท และ 404.20 ล้านบาท ทั้งที่รายได้รวมปี 2564 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด กดให้อ่อนตัวลงจาก 12,447.22 ล้านบาท ในปี 2563 เหลือ 11,554.01 ล้านบาท ก่อนจะฟื้นตัวเป็น 13,048.08 ล้านบาท ในปี 2565
สำหรับงวด 9 เดือนปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรเพิ่มขึ้น 34.96% เป็น 214.02 ล้านบาท ทั้งที่รายได้รวมที่เร่งตัวขึ้น 8.16% มาที่ 10,338.54 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากยอดขายกระเบื้องสูงถึง 44% ยอดขายสุขภัณฑ์ราว 24.5% และยอดขายเครื่องครัว 13% ใกล้เคียงกับยอดขายสินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและเฟอร์นิเจอร์
ส่วนนายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ทิ้งท้ายว่า BOON มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปใช้เพื่อขยายธุรกิจ ทั้งการขยายสาขาร้านบุญถาวร และปรับปรุงพื้นที่สาขาเชิงกลยุทธ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ตลอดจนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงาน ส่วนที่เหลือนำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมสินค้าวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรอันดับต้นๆ ในใจของลูกค้า