4994 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากมีสื่อต่างประเทศออกมาให้ข่าวว่า กลุ่ม บมจ. เอสบี เอกซ์ (SCBX) ใกล้ปิดดีลซื้อกิจการ บริษัท โฮมเครดิต เวียดนาม (HCVN) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) เบอร์ 2 ของเวียดนาม ที่มีส่วนแบ่งตลาด 14% ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 15 ล้านราย และจุดให้บริการทั่วเวียดนาม 14,000 จุด
ล่าสุด นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อธุรกิจ HCVN เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านการซื้อส่วนของทุน (Charter Capital) ในสัดส่วน 100% คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาท ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน ตามยุทธศาสตร์ของ SCBX ที่มุ่งหวังก้าวเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในอาเซียน เพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว จากโอกาสขยายธุรกิจในตลาดเวียดนาม ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน สร้าง ROE ที่สูงขึ้นให้กับกลุ่ม SCBX ตามมา ก่อนจะต่อยอดไปในตลาดอื่นๆ เพิ่มเติม
สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลังของ HCVN มี กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 1.2 พันล้านบาท จากพอร์ตสินทรัพย์รวม 3.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีหนี้สิน 2.7 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตของกำไรเฉลี่ย 10 ปี (CAGR) ปีละ 8% และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 13.4% ซึ่งสูงกว่าที่กลุ่ม SCBX ทำได้ที่ 9.2%
เบื้องต้น ทาง SCBX คาดว่า ธุรกรรมดังกล่าวน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในครึ่งแรกปี 2568 เพราะต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในไทยและเวียดนาม ตามขั้นตอนก่อน
ฝ่ายวิจัย เอเซีย พลัส (ASPS) และบัวหลวง (BLS) ตีความดีลลงทุนครั้งนี้ มีราคาซื้อขายเทียบเท่า P/BV ที่ 3.3 เท่า และ PER ที่ 25.8 เท่า ใกล้เคียงธุรกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จากกรณีที่ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เข้าซื้อธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในเวียดนาม แต่ถือว่าแพงกว่าการซื้อธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในไทย และแพงกว่ากรณีที่ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซื้อเพอร์มาตา ในอินโดนีเซีย ก่อนหน้านี้ ที่ P/BV ต่ำกว่า 2 เท่า
นอกจากนี้ การรับรู้กำไรจากการดำเนินงานของ HCVN ในปี 2568 เท่ากับรับรู้เพียงแค่ครึ่งหลังของปี ก่อนจะเต็มปีในปี 2569 คิดเป็นสัดส่วนราว 2% และ 3% ของประมาณการกำไร ทำให้ไม่น่ามีผลต่อราคาหุ้นมากเท่ากับการจ่ายปันผลที่สูงกว่าคาด ซึ่ง SCBX ประกาศจ่ายในอัตราหุ้นละ 7.84 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เมษายนนี้ และเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นมาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยตลาดประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 116.75 บาท