QTCG เชื่อ การเข้าซื้อขายวันแรก 4 เม.ย. นี้ ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง

1683 จำนวนผู้เข้าชม  | 

QTCG เชื่อ การเข้าซื้อขายวันแรก 4 เม.ย. นี้ ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง



นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมหุ้น บมจ. คิวทีซีจี (QTCG)  เปิดเผยว่า การเปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคมที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในฐานะผู้รับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร ((Mechanical & Electrical - M&E) ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ดำเนินโครงการมากกว่า 1000 โครงการ อย่างต่อเนื่องตลอด 23 ปี และโอกาสการเติบโตในอนาคต ทั้งจากภาวะอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวดีขึ้น และการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสรับงานขนาดใหญ่ และรับงานในปริมาณที่มากขึ้น เข้าข่ายหุ้นเติบโต (Growth Stock) 

ส่วนนายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คิวทีซีจี (QTCG) เสริมว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯ ก้าวเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารในประเทศ ทั้งจากการเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และฐานเงินทุนที่สามารถนำมาขยายโอกาสรับงานได้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัว ช่วยผลักดันผลดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

เฉพาะปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 20% หนุนจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ของหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนกันยายนนี้ และอัตราความสำเร็จในการรับงานใหม่ที่สูงระดับ 40-50% จากการเข้าร่วมประมูลงานไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท อีกทั้งยังจะรับรู้รายได้จากโครงการในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 1,158 ล้านบาท ปีนี้ราว 50%

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงกว่า 10% ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนทางการเงินให้อยู่ระดับต่ำ เพื่อบริหารกระแสเงินสดให้อยู่ในระดับที่ดี เพิ่มขีดความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาด mai วันที่ 4 เมษายนนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเหมือนช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO

สำหรับมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก 3 ค่ายที่เข้าร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประเมินมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 2.60-2.95 บาท สาเหตุจากผลดำเนินงานปีนี้มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อน ก่อนขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และยังมี upside เพิ่มจากการขายใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ซึ่งบริษัทฯ ได้ยุติการดำเนินงานไปเมื่อปีที่ผ่านมาในอนาคตอีกด้วย  

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้