กลุ่ม BWG พร้อมทุ่มเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ร่วมลงทุนกับกลุ่ม GULF

5475 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กลุ่ม BWG พร้อมทุ่มเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ร่วมลงทุนกับกลุ่ม GULF


นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ รักษาการ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ (ETC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมกับ บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์  กรีน (BWG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และบริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) พร้อมร่วมมือกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 12 โครงการ และโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม (SRF) 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 20,800 ล้านบาท แบ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ETC กับ GWTE เพื่อเข้าลงทุนใน บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ (GGP) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 10 โครงการ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้ทั้งหมด 80 เมกะวัตต์ (MW) ในสัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 50% มูลค่าการลงทุนรวม 15,000 ล้านบาท และการที่ GWTE เปิดทางให้ ETC เข้ามาร่วมถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 2 โครงการ ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ (SIP) ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 16 MW กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมปีก่อน ผ่านการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนจากบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล (WTX) พันธมิตรเดิม ทำให้ ETC และ WTX ถือหุ้นใน SIP ในสัดส่วนเท่ากันที่ 33% และ GWTE ถือหุ้น 34% มูลค่าการลงทุนรวม 3,200 ล้านบาท

สำหรับความร่วมมือระหว่าง BWG กับ GWTE จะเป็นการเข้าลงทุนในบริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ (CC) ซึ่งดำเนินการโรงงาน SRF 3 โครงการ ในสัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 50% มูลค่าโครงการรวม 2,600 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายเชื้อเพลิงป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้ง 12 โครงการ

การผนึกกำลังร่วมกันครั้งนี้ ทำให้นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) เชื่อมั่นว่า จะช่วยลดปริมาณของเสีย และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านพลังงานสีเขียว และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว พร้อมกับตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมของประเทศของกลุ่ม BWG ที่เป็นผู้ให้บริการจัดการขยะอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร และการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นของเสียอันตราย เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า (SRF) มากกว่า 20 ปี ผนวกเข้ากับความชำนาญในการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และขยะชุมชน ของบริษัทย่อย ETC ตลอดจนความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็งของ GULF มาช่วยต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

 

 


 

เบื้องต้น บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ฟินน์ คอร์ป (FYNN CORP) ให้ความเห็นว่า การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 12 โครงการ และโรงงาน SRF 3 โครงการ จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างคุ้มค่า โดยมีระยะเวลาคืนทุนราว 9-10 ปี  

สำหรับแหล่งเงินลงทุนในการดำเนินโครงการ ทาง BWG และ ETC วางแผนระดมทุนจากหลายช่องทาง ทั้งจากตลาดเงินและตลาดทุน โดย ETC วางแผนเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ วงเงินรวมไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น และผู้ถือหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง โดยมอบอำนาจการตัดสินใจให้บริษัทฯ ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 30 เมษายนที่จะถึงนี้ก่อน   

ขณะที่ BWG เลือกใช้การเพิ่มทุน โดยมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และอนุมัติการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 6 (BWG-W6) จำนวน 900.19 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 6 หุ้นสามัญเดิม ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 1 ปี 3 เดือน มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน กำหนดราคาใช้สิทธิหุ้นละ 0.70 บาท ซึ่งจะต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 29 เมษายนที่จะถึงนี้ก่อน   

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้