5018 จำนวนผู้เข้าชม |
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ 6 สำนัก อาทิ เมย์แบงก์ (MST) เอเชีย พลัส (ASPS) ยูโอบี เคย์เฮียน (UOBKH) กสิกรไทย (KS) หยวนต้า (YUANTA) และทิสโก้ (TSC) เริ่มออกมาแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะมีปัจจัยหนุนเกิดในไตรมาส 2 นี้ จากการที่รัฐบาลจำเป็นต้องอนุมัติงบประมาณปี 2567 ในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เกิดขึ้นภายในไตรมาส 2-3 ก่อนจะมีการพิจารณางบประมาณประจำปี 2568 ในเดือนตุลาคมต่อไป ซึ่งจะมีผลให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากสะดุดตัวไปกว่าครึ่งปี เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในทุกอุตสาหกรรมให้เกิดผลในครึ่งปีหลัง
ซึ่งเมื่อให้เลือกหุ้น Top Pick ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เสียงส่วนใหญ่จะเทคะแนนให้กับ CK จากแนวโน้มกําไรที่คาดว่าจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ทั้งจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่มีโอกาสได้รับงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยเติมเต็มมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ให้เพิ่มจากที่มีล่าสุด 1.3 แสนล้านบาท ขึ้นไปทำสถิติ New High ได้เรื่อยๆ อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย ทั้ง CKP TTW และ BEM มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ STEC แม้จะมีโอกาสได้รับงานใหม่ๆ เพิ่ม backlog ให้สูงขึ้น แต่ยังถูกกดดันจากส่วนแบ่งผลขาดทุนที่เกิดจากผลดำเนินงานที่อ่อนแอของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู และราคาหุ้นที่มี upside จากราคาเป้าหมายจำกัด ทำให้มีความน่าสนใจน้อยกว่า
จากการตรวจสอบมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก 15 สำนัก เพิ่มเติม ก็พบว่า ตลาดประเมินมูลค่าเหมาะสมของ CK ต่ำสุดที่ 26 บาท และสูงสุดที่ 30.50 บาท ส่วนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 27 บาท
ขณะที่กสิกรไทย (KS) แนะให้เพิ่มความสนใจในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างต้นน้ำ อย่าง SEAFCO และ PYLON เพราะจะได้ประโยชน์จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้กำไรแข็งแกร่งมากขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป จนถึงปีหน้า โดยยกให้ SEAFCO เป็นตัวเลือกที่เด่นกว่า จากแนวโน้มการเพิ่ม backlog ที่สดใสกว่า PYLON เพราะ SEAFCO ได้รับความไว้วางใจจาก CK ให้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 3.24 บาท