5006 จำนวนผู้เข้าชม |
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายปีนี้ว่า มีโอกาสเห็นดัชนีปรับขึ้นแตะระดับ 1,551 จุด หนุนจากการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปรับลดดอกเบี้ยในระบบการเงิน ผลักดันให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเด่นชัดมากขึ้น ส่งผลให้ความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยคาดการณ์ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน 12 เดือนข้างหน้า (Forward EPS) ได้ที่หุ้นละ 103.90 บาท
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ต่อเนื่องต้นไตรมาส 4 ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ Upside เหลือจำกัดเพียง 7% จากไตรมาส 3 จึงทำให้นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน KTX แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 ว่า ควรทยอยขายทำกำไรหุ้น เมื่อดัชนีปรับขึ้นแทนการซื้อสะสม เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้กระแสเงินทุน (Fundflow) ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียกลับไปยังสหรัฐฯ เพื่อล็อคผลกำไรจากค่าเงินที่เริ่มอ่อนค่า หลังจากหลายประเทศในเอเชียทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ปรับลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน ควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ที่ให้อัตราผลตอบแทนน่าสนใจ และมีความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัด เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับตลาดสหรัฐฯ พร้อมกับรอจังหวะซื้อสะสมหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในไตรมาส 4 ซึ่งจะได้อานิสงค์จากการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ และการปรับลดดอกเบี้ย ได้แก่ CPALL (ราคาเหมาะสม 64.80 บาท) CPN (ราคาเหมาะสม 81.77 บาท) และ GPSC (ราคาเหมาะสม 50.70 บาท) เมื่อดัชนีอ่อนตัวใกล้ระดับดัชนี 1,434 จุด หรือต่ำกว่า