5002 จำนวนผู้เข้าชม |
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNPS) เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 105 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 4.20 บาท จากราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 21 - 22 และ 25 พฤศจิกายนนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 5 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) บมจ. หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด (KINGSFORD) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ (PERSON) วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ การตั้งราคา IPO ที่ 4.20 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน และสอดคล้องกับพื้นฐานธุรกิจของ SNPS ในฐานะผู้นำธุรกิจสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานของไทย ที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยอาศัยจุดเด่นจากองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์กว่า 25 ปี มาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง เมื่อผนวกกับเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพดีอย่างยั่งยืนโดยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรกลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ภาครัฐยังผลักดันและให้การสนับสนุนการพัฒนาสมุนไพรไทย ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ เพื่อช่วยผลักดันให้สมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับระดับสากล สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 8 ของโลก ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงสนับสนุนให้ SNPS มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สะท้อนผ่านผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ที่บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมที่ 351.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.07% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 51.61 ล้านบาท เติบโต 100.27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเสริม และเครื่องสำอาง และการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 9.09% ใน 9 เดือนปีก่อน ขึ้นมาเป็น 14.67%
และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด ประกอบด้วย รศ. ดร. พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ดร. ธีรญา กฤษฎาพงษ์ และบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล อินโนเวชั่น (SNPI) ยังได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นเวลา 12 เดือน นับต้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้การซื้อขายวันแรก จะมีหุ้นที่ซื้อขายในตลาดได้ 105 ล้านหุ้น ซึ่งเท่ากับจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายครั้งนี้
ขณะที่ ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNPS กล่าวเสริมว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ SNPS ในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตให้กับบริษัทฯ โดยมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จำนวน 441 ล้านบาท ไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงินจำนวน 130 ล้านบาท ใช้ลงทุนด้านเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความบริสุทธิ์ของสารสกัดให้สูงขึ้น จำนวน 80-100 ล้านบาท และลงทุนในการวิจัย พัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์ยาพัฒนาจากสมุนไพร อาหารทางการแพทย์ หรืออาหารที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสมดุลการย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการคลื่นไส้วิงเวียน จำนวน 45-70 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ประการสำคัญ บริษัทฯ พร้อมทำธุรกิจเชิงรุกเต็มตัวมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการเติบโตไปในตลาดใหม่ๆ ที่ต้องการผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีศักยภาพในการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมอาหาร ตามเทรนด์ดูแลรักษาสุขภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หรืออุตสาหกรรมยา ที่ภาครัฐเตรียมผลักดันการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน ในสถานบริการสาธารณสุข ตามแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (ปี 2567-70) ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่สำคัญในอนาคต ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และขยายตลาดต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งจากการยกระดับคุณภาพสมุนไพรผ่านโครงการแทนคุณไทยฟาร์ม ฐานข้อมูลสารสกัดสมุนไพรมาตรฐานจำนวนมาก องค์ความรู้ที่มี และการใช้เทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology เพื่อส่งมอบสารสกัดระดับพรีเมี่ยม ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งจะขับเคลื่อนให้ผลดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดดใน 2 ปีนี้ รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะกลางถึงยาว ตามที่มีการคาดหมายกันว่า มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั่วโลกจะเติบโตจาก 2.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566 มาเป็น 4.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2576 ขณะที่ตลาดสมุนไพรในประเทศ น่าจะเติบโตเพิ่มจากเกือบ 5.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 มาเป็น 1.04 แสนล้านบาท ในปี 2570