PIN ลุยพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพิ่ม 2,800 ไร่ หวังปั้นผลงาน All Time High ต่อ หลังปี 2567 New High พร้อมปันผล 0.76 บาท ขึ้น XD 9 พ.ค.

นายสุจินต์ เรียนวิริยะกิจ กรรมการบริหาร บมจ. ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PIN) เปิดเผยภาพรวมธุรกิจไตรมาสแรกปี 2568 ว่า เติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมายังประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะสามารถปิดยอดโอนที่ดินปีนี้ได้ 780 ไร่ ตามแผนที่วางไว้ หนุนให้ผลดำเนินงานปีนี้น่าจะเติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3  

โอกาสนี้ บริษัทฯ ตัดสินใจขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมรองรับการย้ายฐานการผลิตช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยล่าสุด ได้ลงนามกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 3 ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังเพียง 20 กิโลเมตร เพิ่มอีก 700 ไร่ เป็น 2,245 ไร่ เตรียมรองรับการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ดิจิทัล, ชิ้นส่วนยานยนต์, พลังงานสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนักลงทุนจีน เพื่อลดแรงกดดันจากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยจะเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่โครงการใหม่ ประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 7 และ 8 ที่ได้ประกาศแผนลงทุนไปก่อนหน้านี้รวม 2,161 ไร่ และส่วนขยายนิคมฯ ปิ่นทอง 3 อีก 700 ไร่ พร้อมทยอยสร้างรายได้ ประเดิมด้วยนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 7 ช่วงครึ่งหลังปีนี้ ก่อนทยอยเปิดอีก 2 นิคมอุตสาหกรรมที่เหลือช่วงกลางปี 2569 เป็นต้นไป  

 สำหรับแผนขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองโครงการ 3 ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่ขาย 567 ไร่ ออกแบบภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการ ตลอดจนบริการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การให้บริการบำบัดน้ำเสีย การให้บริการไฟเบอร์ออพติกใต้ดิน โดยใช้เทคโนโลยีควบคุมผ่านห้องควบคุมปฏิบัติการของสำนักงานใหญ่ คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ไตรมาส 2 ปี 2569 สร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจประมาณ 29,480 ล้านบาท ตลอดจนการจ้างงานเพิ่มกว่า 5,670 คน

ขณะที่ผลดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่องจากปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิ 1,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน หนุนจากรายได้จากการขายที่เติบโต 48.3% มาอยู่ที่ 3,901.1ล้านบาท ตามยอดโอนที่ดินที่ทำได้ 836 ไร่ ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 750 ไร่ เสริมด้วยรายได้จากการให้บริการ ทั้งการให้บริการเช่าโรงงานและคลังสินค้า การให้บริการพื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภค ที่เพิ่มขึ้น 8% เป็น 266 ล้านบาท ผลักดันให้รายได้จากการดำเนินงานขยายตัว 40.8% มาอยู่ที่ 4,264 ล้านบาท ส่งผลให้พร้อมจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.76 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 9 พฤษภาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินตามมาในวันที่ 23 พฤษภาคม