1465 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 86.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ผลจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท ธนาซิตี้ เวนเจอร์ และการมีต้นทุนทางการเงินลดลง 90.7 ล้านบาท ช่วยลดผลกระทบจากการมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 10.0% เป็น 353.2 ล้านบาท รวมถึงการหดตัวของรายได้ ทั้งจากการให้บริการและบริหารงานก่อสร้างจากโครงการร่วมทุน (อ่อนตัว 2.1% มาอยู่ที่ 765.0 ล้านบาท) และจากการขายอสังหาริมทรัพย์ (อ่อนตัว 1.1% มาอยู่ที่ 781.8 ล้านบาท) ผลจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากในไตรมาสแรกปีนี้ไม่มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน อีกส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าบางส่วนรอการประกาศใช้มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ขึ้นไปที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท และสำหรับผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มีมูลค่าตั้งแต่10 ล้านบาทขึ้นไป ในเดือนพฤษภาคม ทำให้รายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการนิว เมกาพลัส บางนา โนเบิล อราวน์ อารีย์ และโนเบิล สเตท 39
สำหรับยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สิ้นไตรมาสแรกอยู่ที่ 25,600 ล้านบาท พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และน่าจะมีเพิ่มขึ้นจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนอีก 4 โครงการ ได้แก่ นิว อีโว อารีย์ โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ โนเบิล ครีเอท และ นิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ รวมถึงแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มอีก 2 โครงการ ช่วยต่อยอดรายได้ต่อเนื่องอีก 2-3 ปี
โอกาสนี้ นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม NOBLE ยังคงตั้งเป้ายอดขาย (Presales) ทั้งปีที่ 16,000 ล้านบาท ตามเดิม เพราะยังประเมินว่า การออกมาตรการภาครัฐจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักมากขึ้น