LEO เชื่อ ขนส่งทางรางจากไทยไปจีนปีนี้โตกว่า 60% หลังกระแสส่งออกทุเรียนคึกคัก

1271 จำนวนผู้เข้าชม  | 

LEO เชื่อ ขนส่งทางรางจากไทยไปจีนปีนี้โตกว่า 60% หลังกระแสส่งออกทุเรียนคึกคัก

 

 

 

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มส่งทุเรียนเฟสแรก โดยใช้ตู้ควบคุมอุณหภูมิที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 50 ตู้ ผ่าน LaneXang Express ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางราง เส้นทางรถไฟลาว - จีน โดยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เมื่อลูกค้าจองตู้ครบทั้งหมด 50 ตู้เรียบร้อยแล้ว ในเวลาเพียงแค่ 3 วันแรกหลังเปิดฤดูกาล คาดว่าถึงปลายทางภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากปีนี้ ทางการจีนเพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้ามากขึ้น ทำให้มีการตรวจสอบสารตกค้าง ทั้งโลหะหนัก อย่างแคดเมียม ที่อาจปนเปื้อนในดิน น้ำ หรือปุ๋ยเคมีที่ใช้ในการเพาะปลูกทุเรียน และสาร Basic Yellow 2 (BY2) ซึ่งเป็นสารเคมีในกลุ่มสีย้อมที่อาจถูกใช้เคลือบเปลือกทุเรียนเพื่อให้มีสีเหลืองสดใส แต่เป็นสารก่อมะเร็ง และส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันหากสะสมในร่างกาย ส่งผลให้ระยะเวลาขนส่งเฉลี่ยเพิ่มจาก 4 วัน เป็น 8–10 วัน และเมื่อรวมกับปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก จึงเกิดความแออัดตามหน้าด่านไทย – ลาว - จีน

อย่างไรก็ตาม ความเสถียรและประสิทธิภาพของตู้ควบคุมอุณหภูมิของบริษัทฯ (LEO Reefer Container) ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาคุณภาพของทุเรียนได้จนถึงปลายทาง โดยไม่มีความเสียหาย ลูกค้าจึงมั่นใจในคุณภาพ 100% ทำให้ลูกค้าเริ่มจองตู้ล่วงหน้าแล้วอย่างต่อเนื่อง หลังจากตู้เปล่าชุดแรกเริ่มทยอยกลับมาประเทศไทยเพื่อรองรับคำสั่งซื้อในรอบถัดไป

ที่สำคัญ บริษัทฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่งทางรางจากจีน อย่าง China Railway International Multimodal Transport (CRCT) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ China Railway Group รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีน ให้ช่วยจัดการตารางตู้รถไฟขาออกจากลาว และการรับตู้เปล่าคืนจากคุนหมิงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถบริหารรอบตู้ได้อย่างต่อเนื่องและทันต่อความต้องการของตลาด เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันจากคู่แข่งรายอื่นๆ ทำให้เชื่อมั่นว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางจากไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างน้อย 60% นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มส่งทุเรียนเฟสแรก โดยใช้ตู้ควบคุมอุณหภูมิที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 50 ตู้ ผ่าน LaneXang Express ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางราง เส้นทางรถไฟลาว - จีน โดยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เมื่อลูกค้าจองตู้ครบทั้งหมด 50 ตู้เรียบร้อยแล้ว ในเวลาเพียงแค่ 3 วันแรกหลังเปิดฤดูกาล คาดว่าถึงปลายทางภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากปีนี้ ทางการจีนเพิ่มความเข้มงวดในการนำเข้ามากขึ้น ทำให้มีการตรวจสอบสารตกค้าง ทั้งโลหะหนัก อย่างแคดเมียม ที่อาจปนเปื้อนในดิน น้ำ หรือปุ๋ยเคมีที่ใช้ในการเพาะปลูกทุเรียน และสาร Basic Yellow 2 (BY2) ซึ่งเป็นสารเคมีในกลุ่มสีย้อมที่อาจถูกใช้เคลือบเปลือกทุเรียนเพื่อให้มีสีเหลืองสดใส แต่เป็นสารก่อมะเร็ง และส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันหากสะสมในร่างกาย ส่งผลให้ระยะเวลาขนส่งเฉลี่ยเพิ่มจาก 4 วัน เป็น 8–10 วัน และเมื่อรวมกับปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก จึงเกิดความแออัดตามหน้าด่านไทย – ลาว - จีน

อย่างไรก็ตาม ความเสถียรและประสิทธิภาพของตู้ควบคุมอุณหภูมิของบริษัทฯ (LEO Reefer Container) ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาคุณภาพของทุเรียนได้จนถึงปลายทาง โดยไม่มีความเสียหาย ลูกค้าจึงมั่นใจในคุณภาพ 100% ทำให้ลูกค้าเริ่มจองตู้ล่วงหน้าแล้วอย่างต่อเนื่อง หลังจากตู้เปล่าชุดแรกเริ่มทยอยกลับมาประเทศไทยเพื่อรองรับคำสั่งซื้อในรอบถัดไป

ที่สำคัญ บริษัทฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่งทางรางจากจีน อย่าง China Railway International Multimodal Transport (CRCT) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ China Railway Group รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีน ให้ช่วยจัดการตารางตู้รถไฟขาออกจากลาว และการรับตู้เปล่าคืนจากคุนหมิงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถบริหารรอบตู้ได้อย่างต่อเนื่องและทันต่อความต้องการของตลาด เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันจากคู่แข่งรายอื่นๆ ทำให้เชื่อมั่นว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางจากไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างน้อย 60%

ขณะเดียวกัน การลงทุนในทรัพย์สินตู้ควบคุมอุณหภูมิ และการพัฒนาศักยภาพของทีมงานตลอดเส้นทางการขนส่งทางรางของบริษัทฯ ยังจะช่วยยกระดับธุรกิจโลจิสติกส์ไทยให้ทัดเทียมระดับภูมิภาค และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้