MEDEZE มั่นใจ รายได้ปี 2568 แตะ 1 พันล้านบาท ตามแผน

นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บมจ. เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน MEDEZE Treasury ร่วมนำเสนอข้อมูลผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่บริษัทฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้ถือหุ้นว่า สามารถผลักดันรายได้ทั้งปีทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือขยายตัวจากปีก่อน 25-30% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากความต้องการในการจัดเก็บเซลล์ต้นกําเนิด (Stem Cell) ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่อง ประกอบกับกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของบริษัทฯ เอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ทั้งตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) เพิ่มเติมจากเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสถานพยาบาล ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการจัดเก็บ Stem Cell ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการขยายธุรกิจต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ทั้งจากการให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจ และค่าสิทธิการใช้แบรนด์สินค้า MEDEZE จากตัวแทนต่างประเทศ รวมถึงการเปิดตัวบริการใหม่ การจัดเก็บเซลล์รากผม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เริ่มรับรู้รายได้ไตรมาสแรกทันที 3 ล้านบาท ก่อนจะรับรู้เต็มไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เปิดกว้างมากขึ้น อีกทั้งยังจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากโครงการส่งเสริมการลงทุนของ BOI ทำให้มีค่าใช้จ่ายภาษีลดน้อยลงช่วยเพิ่มศักยภาพการทำกำไรตามมาด้วย

สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 74.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้จากการขายและให้บริการที่เพิ่มขึ้น 12% โดยเฉพาะการจัดเก็บ Stem Cell จากเนื้อเยื่อสายสะดือ และมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจเพิ่มเข้ามา ซึ่งในไตรมาสแรกปีก่อนไม่มี หนุนให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% มาอยู่ที่ 228.7 ล้านบาท แต่หากเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสสุดท้ายปีก่อน (QoQ) กำไรสุทธิจะลดลง 24% ผลจากรายได้จากการให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่ลดลง 72% ฉุดให้รายได้รวมลดลง 9% อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ระดับ 77-78% รวมถึงสามารถควบคุมอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในกรอบ 31-40% ได้อย่างต่อเนื่อง