1443 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร. ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 ว่า น่าจะสามารถพลิกผลดำเนินงานจากที่ขาดทุนในไตรมาสแรก มาเป็นกำไรได้ หนุนจากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 2,700 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปี ส่วนหนึ่งเกิดจากการเริ่มเข้าก่อสร้างงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเป็น 3 สถานี และการเริ่มงานโครงการขนาดใหญ่อีก 3 โครงการ ในช่วงไตรมาส 2 ก่อนจะเติบโตอย่างโดดเด่นในครึ่งปีหลัง จากการทยอยรับรู้รายได้จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเป็น 5 สถานี จากทั้งหมด 6 สถานี ประกอบกับบริษัทฯ ได้มีการวางแผนบริหารจัดการในการดำเนินงานล่วงหน้า ทำให้ไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน ส่งผลให้สามารถเพิ่มอัตรากําไรขั้นต้นให้ปรับตัวขึ้นมาเป็นเลข 2 หลัก
ที่สำคัญ Backlog ที่มีอยู่ พร้อมทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องไปอีก 18 เดือน ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า จะเห็นผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังเติบโตอย่างโดดเด่น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ พร้อมต่อยอดการรับงานโครงการภาครัฐที่จะทยอยเปิดประมูลออกมาอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากการบริหารการใช้เครื่องมือและแรงงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังมีทางเลือกในการรับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าในบังคลาเทศจากพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งทางการบังคลาเทศทยอยเปิดประมูลครั้งละ 1 สถานี จากทั้งหมด 18 สถานี ช่วยเติม Backlog ในระยะต่อไปได้อีก
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 61.9 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากที่ขาดทุน 26.9 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และมีกำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท ในไตรมาสแรกปีก่อน (YoY) สาเหตุจาก อยู่ในระหว่างช่วงการเตรียมเครื่องจักรสําหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และมีเพียง 1 สถานีที่เริ่มเข้างานได้ในช่วงปลายไตรมาส ทําให้สร้างรายได้ได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับส่วนของต้นทุน ทั้งค่าแรงงาน ค่าเสื่อม อีกทั้งยังถูกกดดันจากการส่งมอบงานสะพานข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยา ที่มีปัญหาค่าใช้จ่ายสูงกว่าคาด (Cost overrun) กดดันให้รายได้จากการดำเนินงานหดตัว 51% QoQ และหดตัว 66% YoY เหลือ 136 ล้านบาท พร้อมกับฉุดให้อัตรากําไรขั้นต้นติดลบเพิ่มเป็น 36.7% เทียบกับที่ติดลบ 6.5% ในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 18% ในไตรมาสแรกปีก่อน