1169 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร. วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทย โคโคนัท (COCOCO) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลังปีนี้ว่า มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น หนุนจากคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์มะพร้าวแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีมผลไม้ ขนมไทย และอาหารพร้อมทานจากวัตถุดิบไทย ที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือ ไทยพรีเมียมสตรีทฟู้ด ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และการเริ่มส่งออกสินค้ารับจ้างผลิต ไปยังสวิสเซอร์แลนด์ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ขานรับความสำเร็จจากการวางกลยุทธ์การตลาด โดยมุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ และการเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศในทุกช่องทาง ตลอดจนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวได้สอดรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดจีน ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ วางตลาดเพิ่มเติม อย่าง ชาไทย ชาเขียว ชาไต้หวัน และน้ำมะพร้าวอัดแก๊ส (Sparking Coconut Water) ให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ ผลกระทบจากต้นทุนราคามะพร้าวสูงที่เกิดในไตรมาสแรก ซึ่งกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทรุดตัวจาก 26.7% เหลือ 18.0% เริ่มคลายตัวลงไปตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อบริษัทฯ สามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยตามมา สนับสนุนให้เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 1.0 หมื่นล้านบาท และ 1.2 หมื่นล้านบาท ใน 2 ปีนี้ น่าจะทำได้อย่างที่วางแผนไว้ ก่อนจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ตามหลักการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ประการสำคัญ บริษัทฯ น่าจะได้ประโยชน์เพิ่มจากการที่บริษัท Innovative Food and Beverage Holding (IFBH) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ IF แบรนด์น้ำมะพร้าวไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ทั้งในตลาดจีนและฮ่องกง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อระดมทุนส่วนหนึ่งมาใช้เพิ่มศักยภาพด้านการผลิตให้แก่ผู้รับจ้างผลิต เพื่อสนับสนุนแผนขยายตลาดต่างประเทศของ IF น่าจะมีส่วนช่วย COCOCO ได้รับคำสั่งจ้างผลิตมากขึ้น เพราะปัจจุบัน คำสั่งจ้างผลิตจาก IF มีสัดส่วนราว 12% ของยอดขายรวม