1605 จำนวนผู้เข้าชม |
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นครึ่งหลังปี 2568 นี้ว่า มีกรอบการแกว่งตัวที่ 1,050-1,180 จุด แต่หากมีข่าวดีหรือข่าวร้ายใหม่ๆ เข้ามากระทบ โดยเฉพาะสถานการณ์การเมือง และสงครามการค้าของผู้นำอเมริกากับนานาประเทศ จะมีผลให้กรอบการลงทุนเปิดกว้างขึ้นเป็น 1,000-1,270 จุด เพราะที่ระดับดัชนี 1,050 จุด เป็นจุดต่ำสุดในรอบปีนี้แล้ว ทำให้กลายเป็นแนวรับสำคัญ โดยในกรณีเลวร้ายสุด คือ การเจรจาการค้าไม่คืบจนทำให้ไทยถูกเก็บภาษีในอัตราสูง 36% หรือมีการยุบสภาก่อน อาจฉุดให้แนวรับสำคัญของตลาดถูกกดลงมาบริเวณ 1,000 จุดได้ เพราะการยุบสภา อาจทำให้การใช้จ่ายภาครัฐ ที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเพียงตัวเดียวที่ยังมีความหวังขาดตอนไปอีก พร้อมกับฉุดให้เศรษฐกิจไทยตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ต่อเนื่องปีหน้าชะลอตัวมากขึ้น ถึงแม้ในครึ่งปีแรกจะได้อานิสงค์จากการส่งออก ที่ได้ตัวช่วยจากคำสั่งซื้อที่หนาแน่นในช่วงผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของอเมริกา ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 2%
ขณะเดียวกัน การจับจังหวะลงทุนอาจพิจารณาจาก ดัชนี SET50 Index Futures ประกอบด้วยได้ โดยเงื่อนไขสำคัญของการฟื้นตัวของตลาด คือดัชนี SET50 Index Futures ไม่ควรสร้างจุดต่ำสุดใหม่ ที่ต่ำกว่าบริเวณ 685 จุด และหากดัชนีสามารถทะลุแนวต้านสำคัญ (Breakout) บริเวณ 740 จุด ขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง จะเป็นสัญญาณยืนยันการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวหลักในระยะกลางในช่วง 665-805 จุด แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อ (Long) เมื่อมีสัญญาณการกลับตัวขึ้น ณ บริเวณแนวรับที่สำคัญ
สำหรับหุ้นแนะนำ ให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Domestic Plays ที่ราคาปรับฐานแรง แต่เพื่อความปลอดภัยจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ แนะนำหุ้นที่มีคุณสมบัติปลอดภัย (Defensive) ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสาร โรงพยาบาล ค้าปลีกจำเป็น หรือโรงไฟฟ้า โดยเมื่อพิจารณาจาก Big Player ในแต่ละกลุ่ม ที่มีส่วนแบ่งตลาดในระดับสูง และ Valuation ปัจจุบันอยู่ในโซนต่ำ เลือก ADVANC, BDMS, CPALL และ GULF เป็นหุ้น Top pick
ส่วนผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าจากไทยไปอเมริกาในระดับสูงเกิน 20% ขึ้นไป จะส่งผลต่อหุ้นกลุ่มส่งออก และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ส่วนผลกระทบจากการเลื่อนพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีพุทธศักราช 2569 จะมีผลต่อกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ และการลงทุน ในวงกว้าง
ด้านนายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เสริมถึงการลงทุนทองคำว่า ราคาในตลาดโลกไม่น่าจะหลุดแนวรับที่ 3,120 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากหลุดลงมา Downside จะเปิดไปที่แนวรับที่ออนซ์ละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แนะนำให้ลงทุนแบบซื้อถัวเฉลี่ย (DCA) ที่บริเวณ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3,120 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาทองคำไทย ให้แนวรับที่ 49,000-50,000 บาท และแนวต้านที่ 54,450-56,700 บาท