EASTW-STECON ยิ้ม หลังบริษัทร่วมทุน ได้สัญญาผลิตน้ำให้ Hyperscale Data Center ที่ชลบุรี

1418 จำนวนผู้เข้าชม  | 

EASTW-STECON ยิ้ม หลังบริษัทร่วมทุน ได้สัญญาผลิตน้ำให้ Hyperscale Data Center ที่ชลบุรี


 

 

บริษัท อีสท์วอเตอร์ สเตคอน ยูทิลิตี้ส์ (EWS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) และบริษัท สเตคอน พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. สเตคอน กรุ๊ป (STECON) ประกาศลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมให้กับ บริษัท บริดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไอไอไอ ประเทศไทย (BDC) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลอย่างมีประสิทธิภาพสูง (Hyperscale) ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

สำหรับสัญญาที่ลงนามครั้งนี้ EWS จะเป็นผู้ผลิตน้ำอุตสาหกรรม โดยนำน้ำดิบของ EASTW มาพัฒนาคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และส่งมอบน้ำอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานดาต้าเซ็นเตอร์ของ BDC อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยกำลังการผลิตสูงสุด ปีละ 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเฉลี่ยวันละ 9,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นระยะเวลา 10 ปี กำหนดเริ่มรับน้ำตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2569 เป็นต้นไป

ความสำเร็จครั้งนี้ นอกจากจะบ่งชี้ให้เห็นความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารจัดการน้ำครบวงจร ของทั้ง EWS และEASTW แล้ว ยังถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่สร้างสรรค์ ในการวางรากฐานการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย เพราะศูนย์ข้อมูลขนาด Hyperscale ไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐานของภาคเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และการพัฒนาพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะสนับสนุนให้ให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัล (Digital Hub) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ BDC เป็นผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกล (Hyperscale Data Center) มีสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์ มีการลงทุนและขยายธุรกิจในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับในไทย BDC ได้เข้ามาลงทุนผ่านการซื้อกิจการดาต้าเซ็นเตอร์ BKK01 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ จาก WHA Bangkok Data Center ในปี 2565 โดยมีขนาดกำลังไฟฟ้า 450 กิโลวัตต์ ก่อนจะขยายการลงทุนด้วยการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่คลองตำรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ โดยในเฟสแรก โครงการจะมีกำลังไฟฟ้ารองรับประมาณ 200 เมกะวัตต์  ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของประเทศไทย โครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับภูมิภาค

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้