1532 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 3.0% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด สาเหตุจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว 0.2% YoY และ 1.8% QoQ หนุนจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อที่สูงขึ้น และส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 0.4% QoQ เป็น 19.6% ประกอบกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดี ทำให้การตั้งสำรองฯ ลดลง จาก 6.08% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 5.68% ในไตรมาส 2 ปีนี้ มาอยู่ที่ 5.40% พร้อมกับหนุนให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ มีกำไรเพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 5,707 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทฯ มีฐานสมาชิกรวมเฉียด 3.61 ล้านบัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,913 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.7%YoY) ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2.90 ล้านบัตร (เพิ่มขึ้น 5.3% YoY) มีการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,451 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.5% YoY) ตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3.8%YoY เป็น 219,572 ล้านบาท รองลงไปเป็นสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 704,536 บัญชี (เพิ่มขึ้น 2.5% YoY) มูลค่าเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 35,836 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.0% YoY) และมียอดสินเชื่อใหม่ของ เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน จำนวน 1,650 ล้านบาท
ขณะที่ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) ซึ่งได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2566 และหันมาเน้นติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ ล่าสุด มีมูลค่า 1,627 ล้านบาท (ลดลง 28.8% YoY) ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ประคองตัวที่ 1.85% เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แยกได้เป็น NPL บัตรเครดิตที่ 1.15% และ NPL สินเชื่อบุคคลที่ 2.40%

ส่วนฐานะทางการเงิน บริษัทฯ มีเงินกู้ยืมรวมทั้งสิ้น 55,655 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 70% และเงินกู้ยืมระยะสั้น 30% คิดเป็นอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลงจาก 1.78 เท่า ในช่วง 9 เดือนปีก่อน เหลือเพียง 1.51 เท่า ช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งหน้าที่ 1.78 เท่า แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุน ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มและระบบบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของสมาชิก เพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ ควบคู่การบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
โอกาสนี้ นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC ได้ออกมาชี้แจงว่า พอใจกับผลดำเนินงานที่ออกมา แต่เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดในระยะต่อไป บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองเพิ่มล่วงหน้า ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มเป็น 426.1%
นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในการขยายช่องทางทำธุรกิจ ด้วยการเป็นนายหน้าประกันภัย ด้วยว่า บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวมถึงได้แจ้งข้อมูลต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียบร้อยแล้ว โดยกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมงานในด้านต่างๆ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งในธุรกิจประกันวินาศภัยและประกันชีวิต เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้อย่างตรงจุด