KKP กำไรไตรมาส 3 สูงเกินคาด มีลุ้นปันผลเฉียด 7% แถมซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัด downsize

1963 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KKP กำไรไตรมาส 3 สูงเกินคาด มีลุ้นปันผลเฉียด 7% แถมซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัด downsize


 

 

บมจ. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ดีกว่าที่ตลาดคาด หนุนจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ที่เพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 50% YoY เป็น 1.5 พันล้านบาท สาเหตุหลักจากกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ที่เติบโตก้าวกระโดด 1,013% YoY และ 168% QoQ เป็น 663 ล้านบาท ตามราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดโลก (หุ้น กองทุน และทองคำ) เสริมด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 4% YoY ทั้งจากการเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง การจัดการกองทุนรวม นายหน้าขายประกัน และรายได้ที่เกิดจากการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน Dime! และ บมจ. หลักทรัพย์เกียรตินาคิน ภัทร (KKPS) ช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ที่ลดลง 2% QoQ และ 14% YoY ตามนโยบายคุมเข้มสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง มีผลให้สินเชื่อลดลง 3.5% QoQ และ 7% YoY มาอยู่ที่ 3.46 แสนล้านบาท และฉุดให้อัตราผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อลดลงจาก 7.3% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 6.8% ในไตรมาส 2 ปีนี้ มาอยู่ที่ 6.7%

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ สามารถควบคุมให้ทรงตัวที่ 4.3% แต่เห็นสัญญาณบวกจากหนี้เสียในพอร์ตเช่าซื้อ ที่สามารถควบคุมได้ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ผลขาดทุนจากการขายรถยึดปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 53% จากไตรมาส 2 ปีนี้ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากโครงการคุณสู้ เราช่วย ช่วยให้หนี้จัดชั้น Stage 2 ลดลงจาก 6.9% ในไตรมาส 2 เหลือ 6.5% ส่งให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 4.14 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY

 

 

 

 



อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ รวมถึงความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ KKP ได้มีตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เป็นการล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มจาก 132.7% สิ้นไตรมาส 2 ขึ้นมาเป็น 136.6% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มขึ้นเป็น 18.07% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 14.59% ทำให้ตลาดคาดหมายว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราหุ้นละ 4.50 บาท (จ่ายไปแล้ว 1.50 บาท ในครึ่งปีแรก คาดครึ่งปีหลังจ่ายอีก 3.00 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปีราว 6.9%

ขณะเดียวกัน การประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 16 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนปีนี้ ไปจนถึงวันที่ 2 มีนาคมปีหน้า ยังจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดันของราคาหุ้นผันผวนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ด้วย

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้