ttb พร้อมรักษาศักยภาพการจ่ายปันผลราว 7% ต่อเนื่อง แม้กำไร 9 เดือนจะลด 4% แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท

18 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ttb พร้อมรักษาศักยภาพการจ่ายปันผลราว 7% ต่อเนื่อง แม้กำไร 9 เดือนจะลด 4% แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท


 

 

บมจ. ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี (ttb) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิราว 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หนุนจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมหลัก ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมกองทุนรวม ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ หรือค่านายหน้าขายประกัน และการรวมผลดำเนินงานจากการซื้อกิจการ บมจ. หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) เพิ่มเติมเข้ามา ส่งผลให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 24% YoY และ 7% QoQ เป็น 3.9 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การที่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ลดลง 12% YoY และ 3% QoQ มาอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางดอกเบี้ย และการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ฉุดให้สินเชื่อชะลอตัว (4.4% YoY และ 0.7% QoQ และ 3.5% จากสิ้นปีก่อน) ลงมาต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาทเล็กน้อย จึงทำให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ หนี้เสียทรงตัว แต่การที่ฐานสินเชื่อลดลง ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ปรับเพิ่มเล็กน้อยเป็น 2.8% แต่ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเพิ่มตามไปด้วย ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เร่งตัวจาก 149.3% ในไตรมาส 3 ปีก่อน และ 149% ในไตรมาส 2 ปีนี้ ขึ้นมาเป็น 151% หนุนให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเป็น 19.9% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.9%

 

 

 

 

 

 



โอกาสนี้ นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ttb ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่า ผลดำเนินงานที่ออกมาถือว่า ทำได้ตามเป้าหมาย แม้ธุรกิจจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ธนาคารจะไม่มุ่งเน้นขยายสินเชื่อ แต่จะให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพหนี้ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนการดำเนินงาน หรือการตั้งสำรองฯ เพื่อให้มีกันชนป้องกันความเสี่ยงที่เข้มแข็ง สามารถจ่ายปันผลสูงได้ในระดับ 6-7% อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเดินหน้าโครงการซื้อหุ้นคืนช่วง 3 ปีนี้ (ปี 2568-70) วงเงินรวม 21,000 ล้านบาท เพื่อลดส่วนของผู้ถือหุ้น ช่วยเพิ่มผลตอบแทนต่อหุ้น (ROE) ให้สูงเป็นเลข 2 หลัก ตามกลยุทธ์ระยะยาวที่วางไว้ ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนัก ออกมาคาดหมายการจ่ายปันผลปีนี้ ในอัตรา 6.9%   

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้