7 กองทุน SSF-RMF ใหม่ เปิดขาย ipo ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

บลจ.บัวหลวง (BBLAM) เตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) รวดเดียว 3 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนได้เติมเต็มโอกาสการลงทุนต่างประเทศ เน้นไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ใหญ่ที่สุดในโลก และเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดหุ้นดาวเด่นประจำปีนี้ ระหว่างวันที่ 23-30 พฤศจิกายนนี้

โดยกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมี 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอส อัลฟ่าเพื่อการออม (B-US ALPHA SSF) กับ กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอส อัลฟ่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-US ALPHA RMF)

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และตลาดหุ้นก็มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกเช่นกัน ในช่วงเวลานี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวได้ดี ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีหุ้นที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ในอนาคตให้เลือกมากมาย ซึ่งหุ้นเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินธุรกิจแค่ในสหรัฐฯ อย่างเดียว แต่ยังมีโอกาสทำรายได้จากทั่วโลกด้วย หากนักลงทุนมีการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งลงทุนในสหรัฐฯ ในพอร์ตลงทุนระยะยาว ก็จะทำให้ไม่พลาดโอกาสการเติบโตดีๆ ไป โดย B-USALPHASSF และ B-USALPHARMF จะมาช่วยเติมเต็มโอกาสดีๆ ได้ เพราะลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund

แต่จุดแตกต่างของทั้ง 2 กองทุน คือกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ส่วนกองทุนเพื่อการออม (SSF) พร้อมจ่ายปันผล ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง

ส่วนกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จะมีกองเดียว คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนามเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-VIETNAM RMF) ซึ่งกำลังเป็นประเทศเศรษฐกิจดาวเด่นของอาเซียน จากการมีประชากรวัยแรงงานอยู่มาก เป็นกำลังหลักช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เติบโต ทั้งยังเป็นฐานการผลิตสำคัญที่บริษัททั่วโลกใช้ในการผลิตสินค้า นอกจากนี้มูลค่าหุ้นเวียดนามก็ยังไม่แพงเกินไป โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีดาวรุ่งรอให้ผู้จัดการกองทุนค้นหาอีกมาก และตลาดหุ้นเวียดนามก็กำลังรอวันปรับสถานะจากตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) ไปสู่การเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ผลักดันให้เวียดนามโดดเด่นในสายตานักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น ดังนั้น B-VIETNAMRMF จึงเป็นอีกกองทุนดีๆ ที่ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเติบโตเต็มที่ไปพร้อมอนาคตดีๆ ของเวียดนามได้

ด้าน บลจ.กรุงไทย ต่อยอดความสำเร็จจากกองทุนในธีมเทคโนโลยีที่เปิดตัวในช่วงก้อนหน้านี้ ผ่าน 2 กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทุนด้านเทคโนโลยีในยุโรป และลงทุนในธุรกิจทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับ AI มาเป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีปีนี้ ควบคู๋ไปกับผลตอบแทนในระยะยาวด้วย กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน เทคโนโลยี อิควิตี้ฟันด์ เพื่อการออม (KT-EUROTECH SSF) กับ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เทคโนโลยี อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WTAI RMF) ระหว่างวันที่ 23-30 พฤศจิกายนเช่นกัน

ทั้งนี้ กองทุน KT-EUROTECH SSF มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JPMorgan Funds-Europe Dynamic Technoligies Fund ชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) “I” ในสกุลเงินยูโร เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม

ขณะที่ กองทุน KT-WTAI RMF มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลัก Allianz Global Artificial Intelligence Fund ชนิดหน่วยลงทุน Class AT (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งกองทุนดัวกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกที่ธุรกิจของบริษัทจะได้รับประโยชน์จาก/หรือเกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สำคัญในอนาคต

ขณะที่ บลจ.เอ็มเอฟซี เลือกเปิดขาย กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี ชนิดเพื่อการออม (MRENEW-SSF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ (Feeder Fund) ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

MRENEW-SSF เป็น share class ที่ต่อยอดความสำเร็จจากกองทุน MFC Renewable Energy Fund (MRENEW) ซึ่งลงทุนใน BGF Sustainable Energy Fund เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของ NAV ภายใต้การบริหารจัดการโดย BlackRock (ที่ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 4 ดาว และ 5 globe Morningstar sustainability rating) ด้วยแนวนโยบายการลงทุนแบบเจาะจงไปที่ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Power) การขนส่งโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาด (Clean Transport) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจ ESG ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม บลจ.ทาลิส (TALISAM) กลับเลือกลงทุนหุ้นไทย ด้วยการ IPO กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (TLMSEQRMF) ระหว่างวันที่ 22-29 พฤศจิกายนนี้

โดยกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ MAI ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ดี โดยยึดแนวนโยบายการลงทุนแบบเดียวกับ กองทุนเปิดทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน (TLMSEQ) ที่ประสบผลความสำเร็จสูงในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในอัตรา 58.09% และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จากผลการดำเนินงาน 3 ปี จาก Morningstar Thailand