556 จำนวนผู้เข้าชม |
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป (ONSENS) เปิดเผยว่า การเปิดขายซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67 % ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 2.05 บาท จากราคาพาร์ ที่หุ้นละ 1 บาทระหว่างวันที่ 29 - 30 กันยายน และ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้สามารถปิดยอดจองได้ตามเป้าหมาย สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐาน ทั้งการเป็นหุ้นเมกะเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการที่อุตสาหกรรมสปาในประเทศไทย เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยปีละ 9.4%
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจออนเซนสไตล์ญี่ปุ่น และสปาครบวงจรระดับ Top 4 ทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง การไม่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเหมือนคู่แข่ง ทำให้รายได้เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม อีกทั้งสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูง จึงทำให้การตั้งราคา IPO สมเหตุสมผล และยังมีโอกาสเติบโตที่ชัดเจน จากแผนขยายธุรกิจ ฐานลูกค้า ให้ครอบคลุมทุก segment หลังการระดมทุน
ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้น กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นเดิมเกือบทุกรายได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่ เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีหุ้นถูกห้ามขายรวมมากถึง 99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดก่อน IPO
นายสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONSENS ขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับการจองซื้อหุ้น IPO อย่างคึกคัก การระดมทุนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังส่งเสริมให้บริษัทฯ ยกระดับการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในระยะกลางถึงยาว จากการลงทุนโครงการ Yunomori สาขาทองหล่อ ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและไลฟสไตล์อย่างครบวงจร และการรุกธุรกิจสปาที่มีเอกลักษณ์ ผ่านการทยอยขยายสาขา แบรนด์ KLAI และ PAK Massage รวม 7 สาขาภายในปี 2570 พร้อมทะยานขึ้นเป็น Top 3 ในอุตสาหกรรมสปาและเวลเนสของประเทศ
สำหรับภาพระยะสั้นปีนี้ น่าจะเห็นการเติบโตของรายได้โดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ ซึ่งมีสัญญาณบวกอย่างชัดเจนในไตรมาส 3 เมื่อจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน่าจะมีทิศทางที่ดีจนถึงปลายปี ประกอบกับบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ทั้งปีน่าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก